ไม่ทำบุญร่วมกัน พอถึงเวลาที่ต้องไป จะรั้งยังไงก็ต้องจากกันอยู่ดี

สวัสดีจ้าเพื่อนๆ วันนี้เรามีบทความดีๆซึ้ง ที่ให้ข้อคิดแนวทางการใช้ชีวิตอยู่ในสังคม อยู่กับผู้อื่น มาฝากเพื่อนๆกันนะคะ ว่าด้วยเรื่องการการสร้างกุศลผลบุญ เราชาวพุทธเชื่อว่า ในโลกนี้ไม่มีเหตุใดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องบังเอิญทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้านแล้วมีเหตุมีปัจจัยทำให้เกิดทั้งสิ้น จะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับกรรมคือการกระทำของเรา ดังนั้น ในยามที่เรามีชีวิตอยู่ การทำความดี จึงเป็นเครื่องการันตีว่า ในอนาคตวันข้างหน้า เราจะพบเจอแต่เรื่องดีๆ แน่นอน

ทีนี้ มาพูดถึงเรื่องการทำบุญ การที่เรามีสัมพันธ์กับใคร ไม่ว่าจะเป็นพ่อแ ม่ พี่ น้อง ญาติ เพื่อนฝูง การที่เราได้มาเจอกัน ล้วนแล้วแต่มีเหตุมาจากบุญทั้งสิ้น แต่ถ้าหากถึงวันที่หมดบุญ เราก็ต้องจากกันเป็นธรรมดา การที่ไม่ทำบุญร่วมกัน พอถึงเวลาที่จาก จะรั้งยังไงก็ต้องจากกันอยู่ดี

โลกนี้มีมายาคติมากมายที่พูดซ้ำๆ จนเราเชื่อว่ามันเป็นความจริง “ความสัมพันธ์ที่ไม่เลิกรา” ก็เป็นสิ่งหนึ่งในจำนวนเรื่องเหล่านั้น หรือความเชื่อว่า “การเลิกกันคือเรื่องแย่ ” ก็อาจลวงให้ทั้งสองฝ่ายพยายามประคับประคองความสัมพันธ์ที่ไม่ส่งผลดีต่อทั้งคู่ไปเรื่อยๆเราอาจเชื่อว่า ความสุขคือการอยู่ด้วยกันแน่นอนว่า ถ้าทุกอย่างราบรื่น คำกล่าวนี้ย่อมเป็นจริงแน่ แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น คำกล่าวนี้ก็ใช่ว่าจะเป็น สัจธรรม สำหรับทุกคน

เพราะยิ่งพยายามประคับประคอง ‘ความสุข’ ไว้ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือภาวะขาดสันติสุขในจิตใจและทันทีที่ปล่อยวางจากความเชื่อว่า จะต้องเก็บรักษา ‘ความสุข’ ในแบบที่ผู้คนเขาบอกกัน ทันใดนั้นเรากลับพบว่า หัวใจของเรานิ่งสงบมากขึ้น เพราะไม่เอาใจไปผูกไว้กับ ‘แบบ’ ที่เขาบอกกันว่าดี แต่มันไม่ดีสำหรับเรา

”ใจ” ถ้าใจไม่เกี่ยวกัน ”ยึดเหนี่ยว” ยังไงก็ไปอยู่ดี จะไป ต้องปล่อยความสัมพันธ์ใดใด มันอยู่ที่ใจเกี่ยวกัน ถ้าใจไม่เกี่ยว ยึดเหนี่ยวยังไงก็ไปอยู่ดี และอยากบอกว่า อย่าเสียเวลา “ยื้อ”คนไม่รัก ต่อให้ตะโกนยังไง ทำอะไรเต็มที่แค่ไหนตะโกนดังๆว่ารัก บอกเลยว่า ไม่ได้ยิน หรือถ้าคิดว่าเอาความดีเข้าสู้ แล้วคนจะเห็นใจ เห็นความดีความดีชนะได้ บอกเลยว่า โง่หรือเปล่า บ่วงอะไรก็เอาไม่อยู่ ดูเหมือนจะเอาอยู่ แต่ไม่มีทางมีความสุขแล้วจะยังไง ไม่ต้องยังไง คิดเสียว่าเป็นเวรกรรม เกิดมาก็เพื่อชดใช้กรรมร่วมกัน กรรมหมดก็ไป ก็แค่นั้น

ถ้ายังไม่หมด ก็ชดใช้กรรมต่อไป คือ คนเราไม่จากเป็น ก็จากตายความจริง คือ ยังไงก็ต้องจาก แม้แต่ตัวเอง ในวันหนึ่งก็ต้องจากไปเช่นกันคนมันมีเสื่อมสภาพ เป็นธรรมดา ไม่มีอะไรถาวร ทำบุญ ทำกุศล สวดมนต์ให้สบายใจไปเถอะไม่มีอะไรเปลี่ยนพฤติกรรมคนที่หมดรักได้ ก็มันหมดไปแล้ว ถ้าไม่หมด มันจะทำร้ายกันไหมแล้วก็ไม่ต้องฟูมฟาย เห็นตัวเองไร้ค่า เป็นทุกข์ จมทุกข์

พระท่านว่า…อย่าเป็นทุกข์ให้โง่ ทุกคนไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นทุกข์ ในโลกนี้มันมีอะไรหลายอย่างที่สำคัญกว่าการจะนั่งทุกข์แค่ลมหายใจตัวเองก็สำคัญมากแล้ว ไม่มีลมหายใจ จะมาอมทุกข์ได้ไหมมันไม่ตายหรอก แค่คนไม่รักเนี่ย เมตตาตัวเองเยอะๆ นะ อย่าบีบคั้นตัวเอง มันเหนื่อย