เจ้าของร้านลาบโดนปรับ 5 หมื่น มีเบียร์ในเมนู เผยไม่ทราบเเละไม่มีการตักเตือนด้วย

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ ร้านลาบลุงยาว เลขที่ 86/17-18 หมู่ 5 ถนนเเจ้งวัฒนะ ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบนายคำนาย มาดำ อายุ 52 ปี เป็นเจ้าของร้านลาบลุงยาว จึงได้ทำการสอบถามรายละเอียดต่างๆ เเละข้อเท็จจริง

หลังจากที่ โลกโซเชียลมีการแชร์ต่อภาพเมนูของร้าน ที่ระบุชื่อยี่ห้อและราคาเครื่องดื่มอยู่ในเมนู และวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่ ร้านลาบร้านนี้ โดนดำเนินคดีตามมาตรา 32 เรียกปรับ 17,000 บาท ซึ่งทางร้านแจ้งไปว่าไม่มีเงินจ่าย เจ้าหน้าที่จึงให้ผลัดไปอีก 1 เดือน

นายคำนาย มาดำ อายุ 52 ปี เจ้าของร้านลาบลุงยาว เล่าว่า เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2563 ตนได้รับหมายเรียกจาก สภ.ปากเกร็ด ให้เดินทางไปพบพนักงานสอบ ในฐานความผิดข้อหาโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตาม มาตรา 32 ประกอบกับมาตรา 3 แห่ง พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 โดยผู้กล่าวหาคือสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

หลังได้รับหนังสือตนจึงได้รีบเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนที่โรงพัก เพื่อสอบถามรายละเอียดที่เกิดขึ้น ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้บอกว่าให้ตนเดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระทรวงสาธารณสุข แต่เนื่องจากติดวันหยุดราชการเสาร์อาทิตย์ ตนจึงเดินทางไปในวันจันทร์ ซึ่งในตอนนั้นยังคิดเองว่าค่าปรับคงไม่ถึง 3 พัน เพราะตนไม่เคยทราบมาก่อนว่าจะมีกฏหมายแบบนี้ จนกระทั่งเมื่อได้พบกับเจ้าหน้าที่แล้วจึงทราบว่า ตนจะต้องถูกปรับในข้อหานี้เป็นเงินถึง 5 หมื่นบาท ทำให้ตนตกใจมากว่า ทำไมค่าปรับถึงสูงขนาดนี้ จนแทบท้อใจอยากเลิกขายของไปเลย

นายคำนาย พูดอีกว่า หลังกลับมานั่งคิดทบทวนว่าตนถูกแจ้งข้อกล่าวหานี้ได้ยังไง ก็นึกออกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมกราคม ปี 2562 มีเจ้าหน้าที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี และตำรวจประมาณเกือบ 20 คน กรูกันเข้ามาในร้านตน และถ่ายรูปในร้าน รวมทั้งถ่ายภาพโปสเตอร์โฆษณาของเหล้าเบียร์ที่ติดอยู่ตามผนังในร้าน ที่เอเยนต์เหล้าเบียร์นำมาติดให้ตนในร้าน

แล้วหนึ่งในนั้น เดินมาบอกกับตนว่า ติดป้ายเหล้าเบียร์แบบนี้ มันผิดกฏหมายรู้ไหม จากนั้นเขาก็เดินทางกลับไป โดยไม่ได้แจ้งหรือบอกกล่าวหาอะไรกับตน จากวันนั้นมาถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบสองปี ตนเพิ่งมารู้ว่าถูกแจ้งข้อกล่าวหาโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นายคำนาย กล่าวว่า ทุกวันนี้ ตนเครียดมากถึงกับปรึกษากับครอบครัวว่า จะเลิกกิจการค้าขายดีไหม หลังจากเปิดร้านขานอาหารมาเกือบ 20 ปี ค้าขายก็ไม่ค่อยดี เศรษฐกิจก็เป็นแบบนี้ ยังจะมีกฏหมายอะไรไม่รู้มาซ้ำเติมคนทำมาหาเช้ากินค่ำอีก ในตอนนี้ตนยังไม่มีเงินที่จะรวบรวมไปจ่ายค่าปรับซึ่งจะครบกำหนดที่ตนขอผลัดผ่อนมาในวันที่ 10 กันยายนนี้

ตอนนี้ได้แต่ปรึกษากฏหมายกับทางทนายความเพื่อประชาชนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป นอกจากนี้ยังมีตัวแทนบริษัทเครื่องดื่มโทรมาสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นและบอกกับตนว่า พร้อมให้ความช่วยเหลือเช่นกัน ซึ่งตนก็อยากหาเงินไปจ่ายค่าปรับให้มันจบๆไป และถ้าตนรู้ว่ามันมีกฏหมายที่มีค่าปรับแพงขนาดนี้ ใครอยากจะเสียค่าปรับและทำผิด ซึ่งที่จริงก็น่าจะตักเตือนกันได้ ถ้าตักเตือนแล้วกลับมาตรวจสอบแล้วยังพบว่าตนทำผิดกฏหมายอยู่ก็จะไม่ว่ากันเลย