9 สิ่งมีชีวิตสุดลึกลับในตำนานที่มีอยู่จริง (ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!!)

ตำนานคือเรื่องเล่าที่เล่ากันต่อๆมา แต่บางทีเรื่องเล่าเหล่านั้นก็เป็นเรื่องจริงก็ได้  คุณคิดว่าสิ่งมีชีวิตในตำนานมีจริงหรือไม่? หลายคนเชื่อว่าพวกมันอาจมีจริงเพียงแต่ไม่ปรากฎให้เห็นง่ายๆ ในขณะที่บางคนคิดว่าเป็นเรื่องเล่าธรรมดาเท่านั้น ที่จริงแล้วสัตว์ในตำนานเหล่านั้นมีอยู่จริง และได้รับการพิสูจน์มาแล้วเผลอๆอาจจะเป็นสัตว์ที่คุณรู้จักก็เป็นได้

อันดับที่ 9 คราเคน (Kraken)

ไม่มีสิ่งมีชีวิตชนิดไหนที่น่ากลัวไปกว่าคราเคน อสูรกายใต้ทะเลที่ใช้หนวดยาวๆของมันเกี่ยวเรือที่ผ่านไปมาจนจมลง และกินเหล่าลูกเรือผู้โชคร้ายเป็นอาหาร รวมทั้งสามารถทำทะเลที่เงียบสงบปั่นป่วนป็นคลื่นยักษ์ขึ้นมาโจมตีเหยื่อของมันได้ ตั้งแต่ปี1180 กษัตริย์แห่งนอร์เวย์อ้างว่ามีสิ่งมีชีวิตหลอกชีวิตอยู่บริเวณริมฝั่งทะเลของนอร์เวย์อยู่จริงๆ แม้ฟังดูเหลือเชื่อแต่หลายคนก็เชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง ในปี1851 เรือของฝรั่งเศษได้นำร่างของหมึกยักษ์ขึ้นมาบนฝั่ง และยกให้สำหรับนักวิทยาศาสตร์พิสูจน์การมีอยู่ของพวกมัน และได้ข้อสรุปว่าคราเคนและหมึกยักษ์นั้นคือสัตว์ชนิดเดียวกัน

อันดับที่ 8  ยูนิคอร์น (Unicorn)

ถึงจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่หลายคนอยู่จักกันดีว่าเป็นม้ามีเขาอยู่ด้านหน้าและไม่มีอยู่จริง แต่จากบันทึกของผู้อาวุโสก่อนคริสศตวรรษที1 ได้เล่าถึงสิ่งมีชีวิตที่มีศีรษะเหมือนกวางตัวผู้ มีเท้าเหมือนช้างและมีหางเหมือนหมูป่า โดยมีเสียงทุ่มต่ำและมีเขาสีดำอยู่กลางหน้าผาก ซึ่งคาดว่าคำอธิบายดังเกล่านั้นคงหมายถึงแรด

อันดับที่ 7 มังกร (Dragon)

เรื่องราวของมังกรที่ปรากฎมาจากทวีปเอเชีย มีลักษณะเหมือนกับงูและไม่มีปีก ซึ่งต่างจากมังกรในผลงานศิลปะในยุคกลางของฝั่งยุโรป ที่มีลักษณะเป็นสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ มีเกล็ดปกคลุมทั้งตัว พ่นไฟได้ มีนิสัยดุร้ายและชอบลักพาตัวหญิงสาว แต่สุดท้ายแล้วก็จะถูกอัศวินที่มีโล่สะท้อนแสงฆ่าตาย บางคนเชื่อว่าตำนานของมังกรนั้นได้แรงบันดาลมาจากซากไดโนเสาร์ ซึ่งทางทฤษฏีเชื่อว่าอาจเป็นกระดูกของเทอโรซอร์ อีกตำนานของมังกรที่เป็นไปได้อาจเป็นมังกรโกโมโดที่มีความยาวลำตัวที่3เมตร และมีน้ำหนัก68กิโลกรัม ถูกพบมากในอินโดนีเซีย วิ่งไวและมีคมเขี้ยวเป็นพิษนอกจากนี้ยังมีลักษณะนิสัยดุร้ายก้าวร้าวและหวงพื้นที่ดังนั้นพวกมันจะเผลอทำร้ายทุกคนที่เข้าไปยังเขตุพื้นที่ของมัน

อันดับที่ 6 ชูปาคาบรา (Chupacabra)

มีอีกชื่อนึงว่าแพะดูดเลือดตั้งแต่สัตว์ประหลาดซึ่งมานำซึ่งความตายแก่สัตว์เลี้ยงของคนทั่วอเมริกา กล่าวกันว่าเรื่องเล่าของชูปาคาบราเกิดขึ้นครั้งแรกในเปอร์โตริโก ในปี1995 และพบสัตว์เลี้ยงจำพวกแกะ หมู และแพะ ต้องตายเป้นจำวนวนมากโดยร่างของสัตว์เหล่านั้นเต็มไปด้วยคราบเลือดแห้ง และมีแผลเป็นเป็นวงอยู่ตรงหน้าออก ซึ่งแม้แต่นักวิทยศาสตร์เองก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเกิดจากอะไร Benjamin Radford นักเขียนได้ใช้เวลานานกว่า5ปีหาความจริงเกี่ยวกับชูปาคาบราเพื่อใช้ในการเขียนหนังสือของเขา ต่อมาในปี2011 Benjamin Radford ก็ได้ข้อสรุปว่าสิ่งที่พยายามพบเห็นนั้นอาจยังเป็นไปไม่ได้

อันดับที่ 5 ปลาซีลาแคนท์ (Coelacanth)

อาจไม่ใช่ปลาที่อยู่ในตำนานซะทีเดียว แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตอยู่ก่อนช่วงประวัติศาสตร์ และเป็นที่รู้จักจากซากฟอสซิลที่เหลืออยู่เท่านั้น นักวิทยศาสตร์เชื่อว่าปลาชนิดนี้อาจเคยมีชีวิตอยู่ในยุคครีเทเซียส เมื่อ65ล้านปีที่แล้ว แต่ในปี1938 มีคนจับปลาชนิดนี้ได้ในบริเวณชายฝั่งแอฟริกาใต้ ปัจจุบันปลาโบราณชนิดนี้ถือเป็นหนึ่งสายพันธุ์ที่คาดว่าอาจเกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างปลาและสัตว์บกที่มีกระดูกสันหลัง4ขา เพียงแต่หายากและมีเพียง2ชนิดเท่านั้น โดยพบได้ในบริเวณนอกชายฝั่งแอฟริกาและอินโดนีเซีย

อันดับที่ 4 แวมไพร์ (Vampire)

เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่เราเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวสยดสยองเกี่ยวกับแวมไพร์ ซึ่งจะอยู่ได้โดยการดื่มเลือดของผู้คน ด้วยพวกเขาจะมาในช่วงกลางคืน ในขณะที่หลายคนคิดว่าสิ่งมีชีวิตในตำนานนี้เกิดจากการสร้างสรรค์ในตำนานและเรื่องเล่า แต่ที่จริงแล้วบนโลกของเรามีแวมไพร์อยู่จริงๆ โดยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับบุคคลที่ระบุว่าเป็นแวมไพร์ว่ามีทั้งแบบที่ดื่มเลือดแบบปกติ และแบบที่ดื่มเลือดจากคนอื่นเพื่อการมีชีวิตดำรงชีวิต ปัจจุบันมีแวมไพร์อยู่ในอุตสหกรรมบันเทิงอยู่จริง เช่น Michelle Bilanger ที่อุทิศตนให้กับการศึกษาเกี่ยวกับแวมไพร์แก่โลกใบนี้ หากคุณสงสัยว่าพวกเขาเป็นแวมไพร์ให้สังเกตตอนพวกเขาเป็นวัยรุ่น เนื่องจากพวกเขาจะมีกฎและพันธะที่ต้องทำตามอย่างเคร่งคัด และจะสังเกตได้ว่าแวมไพร์นั้นจะชอบเก็บเรื่องของตนเองเป็นความลับ

อันดับที่ 3 ยักษ์ไซคลอปส์ (Cyclops)

ซึ่งมีชีวิตในตำนานตัวนี้ไม่ใช่แค่มีตาแค่ข้างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีรูปร่างใหญ่โต แต่ยังดำเนินชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินสัตว์และมนุษย์เป็นอาหารและอาศัยอยู่ในถ้ำ หากนึกไม่ออกละก็ลองนึกถึงยักษ์ที่มีตาเดียวดูสิแล้วคุณจะนึกออกว่าหน้าตาเป็นอย่างไรในมหากาพย์โอดีสซีย์เจ้ายักษ์ตนนี้ถูกอาวุธทำร้ายเข้าที่ดวงตา ทำให้ดวงตาของมันมองเห็นไม่ชัด ซึ่งคนกรีกโบราณเป็นผู้ค้นพบกระโหลกยักษ์ไซคลอปส์มาก่อนและนำมาเขียนเป้นเรื่องเล่า ในขณะที่มันดูเหมือนจะง่ายว่าชาวกรีกเป็นผู้แต่งเรื่องเหล่านี้ขึ้น ที่จริงแล้วก้มีความจริงแอบแฝงอยู่ ซึ่งความจริงนั้นอยู่ในกระโหลกที่พวกเขาค้นพบนั่นเอง แต่ข้อผิดพลาดนั้นมาจากข้อสันนิษฐานที่ว่ากระโหลกชิ้นนี้มาจากสิ่งมีชีวิตในตำนาน คือกระโหลกของช้างไดโนเทเรี่ยมที่เป็นช้างโบราณที่มีขนาดใหญ่ ดูเหมือนว่าชาวกรีกโบราณเจ้าเข้าใจผิดเสียมากกว่า แม้ว่ายักษ์ไซคลอปส์จะยังคงเป้นตำนานก็ตาม

อันดับที่ 2 ปลาพญานาคยักษ์ (Giant Oarfish)

พญานาคในจินตนาการของพวกเรามีลักษณะเป็นสัตว์เลื้อยคลาน มีหงอนและมีเกล็ดสีเขียวปกปิดทั่วคลุมทั่วทั้งตัวด้วยอาศัยอยู่พื้นใต้บาดาล แต่สิ่งมีชีวิตที่กล่าวต่อไปนี้อาจจะต่างจากจินตนาการไว้สักหน่อย เนื่องจากเป็นปลาที่มีรูปร่างยาวและอาศัยอยู่ในทะเล ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในประวัติศาสตร์และยังคงอยู่มาถึงศัตวรรษที่21 มีพยายานหลายคนที่เห็นสัตว์ชนิดนี้และเข้าใจผิดว่าปลาชนิดนี้เป้นสัตว์เลื้อยคลายในทะเล แต่ในบันทึกได้กล่าวไว้ว่าปลาพญานาคยักษ์หรือปลาOarfishนั้นมีรูปร่างคล้ายงู และมีส่วนหัวเหมือนกับม้าพบได้ในบริเวณน้ำอุ่นทั่วโลกสามารถมีความยาวเติบโตได้ถึง 11 เมตร

อันดับที่ 1 เงือก (The Mermaid)

เริ่มต้นมาจากเมื่อครั้งอดีตที่เหล่าเดินเรือได้กลับเข้าฝั่งมาพร้อมกับเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตครึ่งคนครึ่งปลา ที่พวกเขาพบเมื่อร่องเรือไปทะเลทุกคนคาดว่านั้นอาจเป็นสัตว์เลื้อยคลานในทะเลก็เป็นได้ โดยนักเดินเรือที่มีชื่อเสียงได้นำเรื่องนี้มาถ่ายทอดและน่าเสียดายที่เรื่องราวเกี่ยวกับเงือกกลับไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขากล่าวไว้ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าตำนานเกี่ยวกับเงือกนั้นอาจจะมาจากพะยูนแมนนาทีหรืออาจจะเป็นพะยูนทั่วไปก็ได้ โดยพวกมันสามารถยืนบนหางของตนเองได้

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : TopSib Thailand

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *