เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563 เวลา 02.00-03.00 น. นายเจ(นามสมมติ) อายุ 29 ปีได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว กำลังทำร้ายลูกชายวัย 3 ขวบเพื่อประชดเมีย
พ.ต.อ.มนเทียร เบ้าทอง ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.จริญ ขาวเอี่ยม สว.(สอบสวน) ลงมาตรวจสอบ บ้านที่เกิดเหตุเป็นค่ายเลี้ยงไก่เเละผสมพันธุ์ไก่ชนของนายวารุณ วันดาว อายุ 45 ปี หรือ ‘น้าแอ๊ด ต้นหว้า’
น้าเเอ๊ด เล่าว่า นายเจเป็นรุ่นน้องที่รู้จักกันเเละขอมาอาศัยอยู่ที่บ้านตนพร้อมกับลูกชาย 3 ขวบ ตั้งเเต่อาทิตย์ที่เเล้ว ด้วยความสงสารจึงยอมให้อยู่เเต่ขอเเค่อย่าสร้างปัญหาก็พอ ระยะเวลาที่นายเจเเละลูกชายอยู่นั้น น้้าแอ๊ดได้สละเตียงนอนในค่ายเลี้ยงไก่ให้นานเจเเละลูกชายไว้นอนกับลูก พร้อมทั้งยังช่วยซื้อของใช้ เเพมเพิร์ส เเละนมให้ด้วย
นายเจมีภรรยาเก่าชื่อว่า นางเปรม (นางสมมติ) อายุ 25 ปีทั้งสองมีลูกกัน 2 คน ต่อมานางเปรมได้ย้ายไปอยู่ที่ประเทศพม่า เเละนายเจก็ไปมีภรรยาใหม่ เเต่สุดท้ายนายเจก็กลับไปง้อนางเปรม เเต่นางเปรมไม่ยอม จึงทำการตกลงเรื่องลูกกัน โดยลูกชายคนโตจะให้อยู่กับนายเจ เเละลูกคนเล็กให้ไปอยู่กับนางเปรมที่ประเทศพม่า
นายเจเล่าให้น้าแอ๊ดฟังว่า ตนรอนางเปรมกลับมาจากพม่าเป็นเวลานาน เมื่อนางเปรมไม่กลับมาสักทีนายเจจึงไม่พอใจ เเละหึงหวงคิดว่าภรรยามีสามีใหม่ จนคืนหนึ่งน้าแอ๊ดเห็นว่านายเจกำลังไลฟ์สดกับผู้หญิงคนหนึ่ง เดาว่าน่าจะเป็นเมีย เเละนายเจได้ทำการทุบตีลูกชายเพื่อบีบบังคับให้เมียกลับมาอยู่ด้วย
นายเจยังบอกอีกว่าจะทำร้ายลูกชายทุกวันจนกว่าภรรยาจะยอมกลับมา ในขณะที่พูดคุยกับภรรยา นายเจก็ทุบตีลูกเเรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อน้าเเอ๊ดทนไม่ไหวจึงเข้าไปห้าม เเละบอกนายเจว่า ถ้าไม่หยุดดตีลูก ตนเองจะเเทงนายเจให้ตายไปเลย
จนกระทั่งเช้าวันที่ 3 มิถุนายน 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษ์ หรือพม.นครศรีธรรมราช เข้ามาตรวจสอบเเละพบว่านายเจได้พาลูกชายหนีไปแล้ว
น้าแอ๊ดทิ้งท้ายว่า ตนเองไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้ เเถมยังต้องเสียเงินซื่อนม ซื้อของให้อีก ที่ให้นายเจอาศัยด้วยก็เพราะสงสารเด็กเท่านั้น ตนเองรู้สึกไม่สบายใจญาติๆเเละเพื่อนบ้านหาว่าตนเองหาเรื่องเดือดร้อนเข้าตัว ตนเพียงเเค่อยากช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมเท่านั้น