จากกรณีของเด็กหญิงอายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 จังหวัดสุพรรณบุรี ถูกญาติรุมข่มขืนนานถึง 2 ปี บังคับให้กินยาคุมกำเนิดเพื่อไม่ให้ตั้งครรภ์ จนเด็กหญิงไม่สามารถทนได้ เนื่องจากอาการมดลูกอักเสบ จึงขอให้พี่สาวพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช เเพทย์ลงความเห็นว่า อาการนี้เกิดจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ จึงทำการประสานเจ้าหน้าที่ศูย์คุ้มครองเด็กเเละสตรี จังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขออนุมัติหมายศาลเพื่อจับกุมญาติ 7 คน ที่กระทำชำเราเด็กหญิง โดยมี นายพเยาว์ เรืองฤทธิ์ อายุ 52 ปี นายสุรัตน์ ภูฆัง อายุ 35 ปี นายทรงวุฒิ หรือโด้ หันกลาง อายุ 20 ปี นายอนันต์ นรินทร์นอก อายุ 52 ปี นายเชิน ปลายนายน อายุ 35 ปี อีก 2 คน เป็นเด็กชายอายุ 10 ปี และ 12 ปี
ความคืบหน้าวันที่ 14 มิถุนายน 2563 รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองสุพรรณบุรี เจ้าของคดี เผยว่า ได้สอบปากคผู้ต้องหาทั้ง 5 เเล้ว เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เเละขอให้การสู้ในชั้นศาล ทั้งนี้ยังไม่มีญาติมาขอประกันตัว เเต่หากมีก็ยังคงไม่ให้ประกัน เเละจะนำผู้ต้องหาไปฝากขังที่ีศาลจังหวัดสุพรรณบุรีในวันที่ 15 มิถุนายนี้ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เเต่จะให้ประกันตัวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คนที่เป็นเยาวชน เจ้าหน้าที่ได้เเจ้งผู้ปกครองเเล้ว เเละรอติดต่อวันที่มาพบ
นางอุรัยวรรณ์ แสงแก้ว หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า หลังทราบเรื่องก็ได้นำเจ้าหน้าที่ร่วมกับนายกเทศมนตรีตำบลบ้านโพธิ์ นักพัฒนาชุมชน และพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลและนำผู้ปกครองเด็กเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้ต้องหาที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี พร้อมทั้งรับเด็กไปดูแลที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อความปลอดภัยและเยียวยาสภาพจิตใจ ซึ่งเด็กมีอาการปกติไม่เครียด อย่างไรก็ตามต้องรอผู้เชี่ยวชาญประเมินสภาพจิตใจอีกครั้ง
ส่วนนายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผวจ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นค่อนข้างทำร้ายจิตใจสังคมเป็นอย่างยิ่ง ขอยืนยันว่าจังหวัดและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนที่กลัวว่าจะมีอิทธิพลหรือไม่นั้น คิดว่าไม่มี ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะคดีนี้เป็นที่สนใจของสังคม และเป็นการกระทำต่อเด็ก ซึ่งตนไม่ยอมเด็ดขาด คิดว่าเขาคงไม่สามารถที่จะมาทำอะไรผู้เสียหายได้เพราะอยู่ในความคุ้มครองดูแลของทางราชการ มีนักจิตวิทยาเข้าไปประเมินสุขภาพของเด็กตามกระบวนการเรียบร้อยแล้ว
ด้านนายกมล (นามสมมติ) พ่อบุญธรรมของ ด.ญ.ก้อย เปิดเผยว่า เลี้ยง ด.ญ.ก้อยมาตั้งแต่คลอด เนื่องจากแม่เขาดูแลไม่ได้เพราะมีอาการทางประสาท ตอนคลอดไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อด้วย ประกอบกับตนไม่มีลูกจึงรับเป็นบุตรบุญธรรมโดยให้ไปอยู่กับบ้านน้องสาวโดยส่งเสียให้เงินใช้มาตลอด ด.ญ.ก้อยเป็นเด็กร่าเริง ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง และตนไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับลูกบุญธรรมมากนัก ตอนแรกที่ทราบเรื่องยังไม่อยากเชื่อจนตำรวจทำคดี ตนรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น