วันที่ 15 มิถุนายน 2563 เจ้าหน้าที่กองบังคับปราบปราม ได้นำกำลังเข้าจับกุม นายวิลัย ผูกดวง หรือ เบี้ยว อายุ 51 ปี เป็นผู้ต้องกาตามหมายจับศาลนครพนมที่ จ.1203/2547 ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2547 ข้อหาคดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งไม่ใช่ภริยาของตน ซึ่งจับได้ที่ริมถนนปู่เจ้าสมิงพราย ต.บางหญ้าเเพรก อ.พระประเเดง จ.สมุทรปราการ
สืบเนื่องมาจากวันที่ 27 มิถุนายน 2547 ขณะที่เด็กหญิงเอ (นามสมมติ) ในขณะนั้นอายุ 13 ปี กำลังเดินอยู่บริเวณป่าละเมาะคน นายเบี้ยว เป็นเพื่อนบ้านของเด็กหญิงเอ ได้เข้าไปทำทีเป็นชวนคุย เเละได้ลงมือข่มขืนเนื่องจากเห็นว่าปลอดคน จนมีชาวบ้านได้ยินเสียงเด็กกำลังร้องขอความช่วยเหลือ นายเบี้ยวตกใจ จึงรีบหนีไป จากนั้นผู้ปกครองเด็กหญิงเอ ได้พาเข้าเเจ้งความ เเละได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานของศาลนครพนม เเละออกหมายจับไว้
ส่วนนายเบี้ยวกลัวความผิด จึงหลบหนีคดีมาอยู่ในกทม. ทำอาชีพกรรมกร รับจ้างเเบกข้าวสาร เร่ร่อนไปเรื่อย ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งมานานกว่า 20 ปี ต่อมาเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. สืบทราบว่า นายเบี้ยวเร่ร่อนอยู่ละเเวกปู่เจ้าสมิงพราย ที่พระประเเดง ผู้คนในละเเวกนั้นตั้งฉายาให้นายเบี้ยวว่า “ไอ้ผีดิบ” เเต่ไม่ใครรู้ว่านายเบี้ยวหลบหนีดคีมา เเละจะหมดอายุความในวันที่ 27 มิถุนายน 2563 นี้ ซึ่งเหลืออีกเเค่ 13 วันเท่านั้น
เบื้องต้นได้สอบสวนนายเบี้ยว ได้ความว่า พยายามข่มขืนเด็กหญิงเอจริง เเต่ไม่สำเร็จเพราะชาวบ้านมาก่อน จึงสำเร็จความใคร่ตัวเอง ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งให้ สภ.เมืองนครพนม ดำเนินคดีต่อไป