เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2563 ร.ต.อ.คมกริช ไชยวรรณ รองสว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับเเจ้ฃเหตุว่ามีคนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องเช่าเเห่งหนึ่ง หลังตลาดไทยศิริ ถนนอุดรธานี-สกลนคร บ้านโนนขมิ้น ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี หลังได้รับเเจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกับ ร.ต.อ.บรรเทิง ทัพโยธา รองสว.สส. เเพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี เเละอาสากู้ภัยอุดรสว่างเมธาธรรม
ที่เกิดเหตุเป็นตึก 2 ชั้นที่เเบ่งทำเป็นห้องพักให้เช้า ที่ห้องชั้นล่างพบศพ น.ส.สตรีวิทย์ วงษ์ชัย อายุ 48 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี นอนคว่ำหน้าเสียวิตอยู่บนเตียง จากการชันสูตรไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย เเพทย์ระบุว่าเสียชีวิตมาเเล้วประมาณ 4-5 ชั่วโมงจากอาการหัวใจล้มเหลว
จากการสอบสวน นายสามารถ เเต้พสนิช อายุ 44 ปี เป็นสามีของผู้ตายให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตอนกลางวัน ตนกำลังซ่อมปั๊มน้ำกับเพื่อน ผู้ตายได้มา บอกว่าถูกหวย 2,000 บาท หลังจากที่ซ่อมปั๊มน้ำเสร็จ จึงไปซื้อเหล้าเเละหัวหมูมากินฉลองกันจนเมา เวลาประมาณ 21.00 น. เพื่อนก็เเยกย้ายกันกลับบ้าน เเละตนกับภรรยาก็เข้านอน
ต่อมาตนตื่นขึ้นมาประมาณตี 2 ไม่เห็นภรรยานอนอยู่ข้างๆ จึงลุกไปดู เห็นว่าภรรยาล้มหัวจุ่มลงในถังน้ำพลาสติกที่มีน้ำอยู่ เเละพบถุงยำปูม้า จึงคิดว่าภรรยาน่าจะออกมาหาของกินเพราะปกติภรรยาชอบทานอาหารตอนดึกอยู่เเล้ว เเละคาดว่าน่าจะเสียหลักเหยียบช่องระบายอากาศบ่อเกรอะ ซึ่งเป็นท่อพีวีซีขนาดใหญ่ เพราะมันมืด
ตนก็ได้อุ้มภรรยาเข้ามาในห้อง จากนั้นภรรยาก็อาเจียนออกมาเป็นน้ำ เเละยังหายใจอยู่ ตนก็ทำการเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เเละอุ้มไปนอน จากนั้นก็โทรเรียกเพื่อนมาดูอาการ คิดว่าอาจจะต้องนำส่งโรงพยาบาล เเต่คิดว่าไม่เป็นอะไรมาก เพื่อนจึงกลับบ้าน เเละนก็เข้านอนกิดภรรยาจนหลับไป จนกระทั่งตื่นมาตอนเช้าพบว่า ภรรยานอนไม่หายใจเเละตัวเเข็ง ตนเองก็ตกใจมาก จึงโทรตามเพื่อนมาดู เเละโทรเเจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยปั๊มหัวมจ เเต่เจ้าหน้าที่เเจ้งว่าเสียชีวิตเเล้ว
“ผมนอนกอดศพเมียทั้งคืน ไม่คิดว่าเมียจะจากไปก่อน เพราะเมียเคยพูดเป็นลางว่า ให้กูตายก่อนมึง เพราะถ้ามึงตายก่อน กูไม่รู้จะอยู่กับใคร”
ร.ต.อ.คมกริช เปิดเผยว่า จากการสอบสวนนายอุบล วงศ์พุฒ อายุ 49 ปี เพื่อนนายสามารถ ซึ่งให้การเหมือนสามีผู้ตาย และไม่มีพิรุธ และจากการตรวจร่างกายไม่พบบาดแผล และเสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่มีคราบเลือด จึงสันนิษฐานว่า ผู้ตายดื่มเหล้าแต่ไม่รับประทานอาหาร จึงลุกขึ้นมาหาข้าวกินในกลางดึก และหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ซึ่งสามีไม่รู้ จึงมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป