ชีวิตสุดมัธยัสถ์! เศรษฐีนีขอใช้ชีวิตแบบประหยัด ไม่เปลี่ยนรถ ไม่ซื้อของฟุ่มเฟือย ที่สำคัญกินอาหารแมว!

ทุกคนอาจจะคิดว่าเศรษฐีจะมีชีวิตที่อู้ฟู่หรูหรา กินอาหารแต่ละมื้อต้องราคาสูง มีรถหรูขับ แต่คงไม่ใช่เศรษฐีคนนี้ เพราะเธอขึ้นชื่อว่าเป็นเศรษฐีสุดประหยัด ประหยัดขนาดที่ว่าเธอไม่กินอาหารคน แต่กินอาหารแมวเพราะมันถูกกว่าอาหารของคน…

Aimee Elizabeth สาวในวัย 50 ปี เธอเป็นนักเขียนชื่อดังจากเมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอขึ้นชื่อว่าเศรษฐีคนหนึ่งของประเทศเลยกว่าได้ เพราะในบัญชีของเธอมีเงินอยู่ราวๆ 5.3 ดอลลาร์หรือตีเป็นเงินไทยก็แค่ประมาณ 159 ล้านบาทเท่านั้นเอง

แต่ที่แปลกคือแม้ว่าเธอจะร่ำรวยขนาดนั้นแต่เธอตั้งเป้าหมายเอาไว้เลยว่าจะใช้เงินไม่เกิน 1,000 ดอลลาร์หรือไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน เหตุเพราะในวัยเด็กเธอเคยพบชะตากรรมชีวิตที่ยากลำบากมา เคยไม่มีแม้กระทั่งที่อยู่ด้วยซ้ำ แต่แล้วชีวิตของเธอก็กลายมาเป็นเศรษฐีได้ด้วยตัวเองในวัย 30 ปลายๆ จากการทำอสังหาริมทรัพย์และการลงทุน

เธอเล่าว่า เธอพยายามจะประหยัดเงินให้ได้มากที่สุด ประหยัดทุกอย่างที่เธอใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น เธอจะเปิดมันเพียง 22 นาทีเท่านั้น เธอตั้งเวลาปิดเอาไว้เลย และเมื่อครบ 22 นาทีเธอจะรู้ตัวเลยว่าควรหยุดอาบน้ำได้แล้ว ซึ่งวิธีนี้มันทำให้เธอะหยัดเงินไปได้ประมาณ 80 ดอลลาร์หรือ 2,400 บาทต่อเดือนเลยทีเดียว

เธอไม่ซื้อของใหม่ๆเลยด้วยซ้ำ นั่นทำให้เธอประหยัดไปอีกประมาณ 6 ล้านบาท แถมฟองน้ำที่ใช้ล้างจานก็มีอยู่อันเดียว เธอจะใช้ทีละอันจนกว่ามันจะขาดออกจากกันเป็นชิ้นๆเลย ในบ้านก็ยังมีมีดแค่เล่มเดียวด้วย

Aimee หย่ากับสามีของเธอไปแล้ว และหลังจากหย่ากัน เขาก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านหลังเล็กเพื่อประหยัดเงินของเธอ แต่ว่าเขายังคงแวะเข้ามาบ้านนี้เพื่อช่วยเธอทำความสะอาดบ้านแบบฟรีๆ ซึ่งช่วยให้เธอประหยัดเงินในการจ้างแม่บ้านไปอีก 12,000 บาทต่อเดือน

และบอกเลยว่าอันนี้ค่อนข้างพีค เพราะนิสัยความประหยัดของเธอ ทำให้เธอเลือกยังชีพด้วยอาหารแมวแบบเปียกรสปลาทูน่าหรือแซลมอน และยังแบ่งให้บรรดาแขกเหรื่อที่มาบ้านด้วยนะ

แน่นอนว่าชีวิตของเธอต้องออกไปทำงาน เธอมักจะเดินทางไปแอลเออยู่บ่อยครั้ง และเธอเลือกจะขับรถออกไปเอง โดยรถคู่ใจของเธอที่มันมีอายุมากกว่า 17 ปีเข้าไปแล้ว แม้ว่ามันจะพังเธอก็ยังไม่ซ่อมเลย ซึ่งเธอรู้ดีว่าการที่เธอใช้ชีวิตสุดมัธยัสถ์แบบนี้ทำให้มีคนหงุดหงิดใจแต่เธอบอกว่าเธอไม่สนใจหรอก

ที่มา : Thesun