ลั่นไม่ต้องยุ่ง เหตุบริจาคไม่โปร่งใส

ดราม่ายังไม่จบ แม่น้องวีน จนทิพย์ ลั่นใส่นักข่าวไม่ต้องมายุ่ง ไม่ขอแจ้งยอดบริจาค

 กลายเป็นประเด็นดราม่าในสังคมเป็นอย่างมาก สำหรับกรณี น้องวีน อายุ 18 ปี นักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ได้สอบคัดเลือกเป็นนักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่มีปัญหาเรื่องเงินทุนที่จะศึกษาต่อ จึงอยากเปิดรับบริจาค จากนั้นก็มีคนโอนเงินไปช่วยเหลือจำนวนมาก ต่อมากลับถูกแฉภาพน้องวีน ใช้มือถือราคาแพง แถมยังบอกว่าแกล้งจน 

ล่าสุด (18 ม.ค.2566) มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยโพสต์ช่วยเหลือครอบครัวของ น้องวีน และได้ออกมาระบายความในใจ โดยเปิดเผยว่า “ตนเคยคุยกับแม่เด็กว่าให้ออกมาแจ้งยอด แต่กลับถูกปฏิเสธ มิหนำซ้ำพอขอให้แก้ข่าวก็โดนแม่น้องวีนตอกกลับมาว่า คุณมาทำข่าวเอง คุณก็แก้เองสิ โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่า เราอึดอัดเราอยากระบายมาก ฟังเราสักนิด เราผิดไปแล้วอย่าด่าเยอะนะ เราสำนึกผิดไม่ทัน

ตั้งแต่ทำเคสแบบนี้มาไม่เคยเสียใจและเสียความรู้สึกแบบนี้มาก่อน สื่อทุกช่องทุกคนโดนต้มซะจนเปื่อยว่าครอบครัวนี้จน ตอนนั้นใครว่าน้องว่าแม่เราปกป้องเต็มที่จนไม่ลืมหูลืมตา เพราะอยากให้น้องได้มีเงินเรียน จนมันมีชาวเน็ตขุดคุ้ยประวัติแม่และน้อง เราก็ตามด่าชาวเน็ตว่าไม่ช่วยแล้วยังเสือกแถมอิจฉาน้องที่เขาได้เงิน

จนมันมีคนโทรมาเตือนมาทักมาว่า ก่อนจะทำเคสนี้เช็กดีหรือยัง มันอาจจะมีอะไรมากกว่าที่คุณเข้าใจซ่อนอยู่ เราก็เริ่มคิดเริ่มเช็ก เพราะข่าวนี้เราไม่ได้ลงพื้นที่เอง เพียงแต่เล่นข่าวต่อมาเพราะตอนนั้นเราอยู่ภาคเหนือ หลังจากนั้นก็มีคนโทรมาด่าพวกเรามากมายว่า ร่วมกันหลอกลวงขอรับเงินบริจาคร่วมกับครอบครัวนี้ บอกตรง ๆ ว่าเครียดมาก

1.จนยังไงใช้ไอโฟน 12 โปร ราคา 26,000 ใช้นาฬิกาหรูที่เด็กถ้ายากจนจริงไม่มีปัญญาได้ใช้ 

2.แม่ใส่ทองทั้งตัว เที่ยวผับดื่มเหล้า ขับรถเก๋งหรูพาลูกเที่ยว เวลาไปประชุมผู้ปกครองใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนม เสื้อผ้าหน้าผมต้องเป๊ะ 

3.เด็กบอกว่า ชีวิตนี้ไม่เคยกินหมูกระทะ ก็ใช่สิหมูกระทะเด็กไม่กิน แต่แม่พาไปกินไก่ทอดตามห้างดังเพราะลูกชอบ

4.เราบอกว่าให้แม่กับลูกออกมาแถลงข่าวออกมาขอบคุณและแจ้งยอดแล้วปิดบัญชี แม่กับลูกบอกว่าไม่จำเป็นไม่ต้องพูดอะไรเงียบไว้ ได้เงินมาแล้วมันจบแล้ว แล้วที่ช้ำใจสื่อส่วนกลางขอไปที่บ้านไปดูว่าจนจริงไหม โดนปฏิเสธจากแม่และคนชื่อ “ทีป” โดยอ้างว่า น้องจะต้องอ่านหนังสือ, ไม่พร้อมพบสื่อ (ซึ่งตอนนั้นคงยังไม่ได้เตรียมคำพูดกลัวแสดงไม่เนียน)

5.เราโทรไปขอร้องแม่และลูกเป็นครั้งที่สอง ขอร้องว่าออกมาขอบคุณและแจ้งยอดหน่อยให้ทุกคนได้รู้หน่อยสงสารพวกเราเถอะ เพราะหลังจากนี้พวกเราไม่สามารถที่จะช่วยใครที่ลำบากอีกได้เลย เพราะว่าที่คุณมาหัวหมอแบบนี้ คำตอบที่ได้มาคือ ไม่ แบบสั้น ๆ ห้วน ๆ ไม่มีหางเสียง 6.คำพูดของแม่ที่เจ็บใจที่สุดที่พูดกับเราคือ คุณมาทำข่าวเอง คุณก็แก้เองสิ เราจบแล้วได้เงินมาแล้ว ไม่พูดอะไรแล้ว

สรุปคือตอนนี้ทุกคนไม่ทราบเลยว่ายอดเงินเท่าไหร่ แต่ที่รู้คือแม่และน้องสร้างเรื่องและเล่นละครเก่ง จากที่เคยแต่งหน้าจัดมาก วันนั้นพอรู้ว่านักข่าวจะไปถึงนางล้างหน้าและปล่อยให้หน้าดำและดูโทรม ซึ่งจริง ๆ ชีวิตนางในแต่ละวันไม่ได้เป็นแบบนั้น จบแค่นี้ค่ะ ระบายไม่หมดมันจุก”

       ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของน้องวีนอีกครั้ง เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา กลับถูกปฏิเสธ ไม่ตอบคำถาม แล้วบอกว่าไม่ต้องมายุ่ง