อันตรายของ ‘ยาแก้ปวด’ เสี่ยงตับพังหากรับประทานต่อเนื่อง

เชื่อว่า พาราเซตามอล หรือ ยาแก้ปวด คงเป็นยาสามัญประจำบ้านของเกือบทุกบ้าน เผลอๆ ยังเป็นไอเทมคู่กายของหนุ่ม-สาวทำงานในยุคนี้ ที่พอปวดหัวนิดหน่อยก็คว้าขึ้นมารับประทานทันที

กลุ่มยาแก้ปวดไม่ว่าจะเป็น พาราเซตามอล หรือ แอสไพริน ต่างก็เอาไว้ใช้รักษา-บรรเทาอาการปวด ซึ่งอาการปวดนั้นก็มีหลายแบบ อาทิ ปวดหัว ปวดฟัน ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก ปวดท้อง ปวดข้อ และปวดหลัง คนวัยทำงานถึงได้หยิบออกมารับประทานเพื่อบรรเทาอาการอยู่บ่อยครั้ง

ยาแก้ปวดมีกี่ประเภท?

อันที่จริงแล้วยาแก้ปวดนั้นมีหลายประเภท แต่ที่เราเห็นจำหน่ายอยู่ทั่วไปนั้นจะเป็น พาราเซตามอล ซึ่งถือว่าเป็นยาสามัญประจำบ้าน หาซื้อง่าย ราคาไม่แพง นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีกลุ่มยาแก้ปวดที่ต้านการอักเสบ และกลุ่มยาแก้ปวดชนิดเสพติด

การรับประทานยาแก้ปวด

อาการปวดบางชนิดสามารถหายได้เองตามธรรมชาติโดยไม่ต้องรับประทานยา เพียงแค่พักผ่อนให้เพียงพอร่างกายก็จะขับของเสียออกไป แต่ในกรณีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรรับประทานยาแก้ปวดให้ห่างกัน 6 ชั่วโมง และไม่รับประทานติดต่อกันเกิน 7 วันเป็นอันขาด

ส่วนปริมาณในการรับประทานให้ดูจากน้ำหนักตัว ซึ่งไม่ควรได้รับเกิน 15 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ดังนั้นสามารถคำนวณได้ว่า หากคุณมีน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม ก็ไม่ควรได้รับยาเกิน 750 มิลลิกรัม ปัจจุบันยา 1 เม็ดมักจะมี 500 มิลลิกรัม นั่นแปลว่าหากรับประทาน 2 เม็ด อาจจะเกินขนาดไปสักหน่อย (ขึ้นอยู่กับอาการด้วย)

ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาแก้ปวด

สำหรับผู้ที่รับประทานยาแก้ปวดติดต่อกันเป็นเวลานาน จะส่งผลให้เป็นพิษต่อตับ เพราะตับจะทำงานหนักจนเกินไป ทั้งยังส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะและลำไส้ รวมถึงกระตุ้นให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตเกิดความดันโลหิตสูงขึ้นไปอีก

ข้อควรระวังในการรับประทานยาแก้ปวด

– ห้ามรับประทานเกินวันละ 8 เม็ด เพราะจะทำให้ตับของเราทำงานหนักเกินไป

– ในกรณีของผู้ที่มีโรคประจำตัวควรต้องระมัดระวังการใช้ยาแก้ปวด ควรปรึกษาแพทย์ว่ารับประทานได้ไหม

– ห้ามรับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดภาวะตับล้มเหลวได้

ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาแก้ปวด

– ห้ามรับประทานร่วมกับยารักษาโรคลมชักโดยเด็ดขาด เพราะจะเป็นการไปเพิ่มการเป็นพิษต่อตับ

การรับประทานยาแก้ปวดถือว่าเป็นการรักษาอาการที่ปลายเหตุ เราควรเริ่มต้นดูแลสุขภาพด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ เท่านี้ก็ไม่ต้องคอยพึ่งยาแก้ปวดแล้วจ้า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *