วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ “กาบัง” (Kabang) สุนัขฮีโร่ที่เอาตัวเอาไปช่วยชีวิตสองเด็กหญิงตัวน้อยจากการรถจักรยานยนต์ชนเมื่อปี พ.ศ. 2554 โดยที่เด็กน้อยทั้งคู่ปลอดภัย แต่ตัวกาบังเองเกือบเอาชีวิตไม่รอด และต้องสูญเสียจมูกไปตลอดชีวิต
วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ “กาบัง” (Kabang) สุนัขฮีโร่ที่เอาตัวเอาไปช่วยชีวิตสองเด็กหญิงตัวน้อยจากการรถจักรยานยนต์ชนเมื่อปี พ.ศ. 2554 โดยที่เด็กน้อยทั้งคู่ปลอดภัย แต่ตัวกาบังเองเกือบเอาชีวิตไม่รอด และต้องสูญเสียจมูกไปตลอดชีวิต
กาบังที่รู้ว่ากำลังจะเกิดอันตรายกับเด็กหญิงตัวน้อยทั้งสอง จึงกระโจนเข้าขวางรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเพื่อปกป้องครอบครัวที่มันรัก ก่อนที่จักรยานยนต์จะชนกาบังเข้าเต็ม ๆ ทำให้จมูกของกาบังหักและฉีกออก แม้จะเจ็บตัวแต่ด้วยความตกใจและหวาดกลัวทำให้กาบังวิ่งหนีหายไป
ทันทีที่ทราบเรื่อง Rudy Bunggal ก็รีบวิ่งมาที่เกิดเหตุรู้สึกดีใจที่ลูกและหลานปลอดภัย แต่เมื่อรู้ว่ากาบังยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองเข้าช่วยลูกและหลานของตนเองก็ถึงกับอึ้ง ทั้งภูมิใจและเศร้าในเวลาเดียวกัน พยายามออกตามหาเพื่อพากาบังไปรักษาตัวต่อไป
แต่ผ่านไปหลายวันก็ยังหาตัวกาบังไม่พบ จน Rudy เองก็เริ่มถอดใจและคิดว่ามันคงไม่รอด แต่ทว่าหลังจากผ่านไป 2 สัปดาห์ กาบังก็เดินแบกร่างกายที่อ่อนแรงกลับบ้าน ดูเหมือนว่ามันอยากจะใช้ลมหายใจสุดท้ายอยู่กับพวกเขา
หลังจากพาไปรักษาสัตวแพทย์ก็แนะนำให้การุณยฆาต เพื่อยุติความเจ็บปวด แต่ Rudy ปฏิเสธเพราะทำใจไม่ได้หากต้องจบชีวิตกาบังไว้เพียงเท่านี้
เรื่องราวของกาบังถูกตีแพร่ไปทั่วโลก ผู้คนมากมายต่างชื่นชมและยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ต่อมากาบังก็ถูกส่งตัวไปรับการรักษาที่คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เดวิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ในประเทศสหรัฐอเมริกานานถึง 7 เดือน
สัตวแพทย์พยายามคิดหาวิธีผ่าตัดซ่อมแซมจมูกและฟันของกาบังที่หายไป แต่น่าเศร้าที่พวกเขาไม่สามารถทำได้ แต่อย่างไรก็ตามสัตวแพทย์ก็ได้ทำการรักษาบาดแผลและศัลยกรรมตกแต่งอวัยวะในส่วนที่เหลืออยู่ให้สามารถใช้งานได้ดี อยู่ในตำแหน่งที่สวยงามและเหมาะสมมากที่สุด จนกาบังสามารถกลับบ้านไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อสัตวแพทย์ตรวจพบความผิดปกติภายในช่องคลอด และวินิจฉัยว่ากาบังป่วยเป็นโรคมะเร็ง ทำให้กาบังต้องอยู่ที่สหรัฐอเมริกานานขึ้นเพื่อรักษาโรคมะเร็ง จนหลายเดือนต่อมามะเร็งร้ายก็หายไป กาบังจะได้กลับไปหาครอบครัวแล้ว
หลังจากที่รักษาตัวจนหายดี กาบังก็ได้กลับไปอยู่กับครอบครัวที่ฟิลิปปินส์ เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2556 กาบังได้กลับไปใช้ชีวิตมีอยู่กับครอบครัวที่รักเรื่อยมาอย่างมีความสุข จนกระทั่งปี พ.ศ. 2558 รูดี้นายรักของเธอก็จากไปตลอดกาล
Anton Mari H. Lim สัตวแพทย์ชาวฟิลิปปินส์ผู้รับหน้าที่ดูแลกาบังขณะเดินทางไปรักษาตัวที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทราบข่าวการจากไปของ Rudy จึงตัดสินใจขอรับเลี้ยงกาบังต่อ หลังจากนั้นกาบังก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ได้รับความรักความอบอุ่นมากมาย
วันที่สัตวแพทย์ Anton Mari H. Lim รับกาบังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา Anton Mari H. Lim ได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงข่าวการจากไปของกาบัง
โดยระบุข้อความไว้ว่า “ด้วยความโศกเศร้าอย่างสุดซึ้ง ผมขอประกาศว่าน้องหมาฮีโร่ของเราได้จากโลกนี้ไปแล้ว “กาบัง” (กุมภาพันธ์ 2551 – 17 พฤษภาคม 2564) ผมพบว่าเธอนอนนิ่งอยู่ใกล้ ๆ กับเบาะนอนของเธอ ผมเห็นเธอมีชีวิตครั้งสุดท้ายตอนเวลาประมาณ 15.00 น. ตอนที่ผมไปให้อาหารและเปลี่ยนน้ำในถ้วยให้กับเธอ ผมกลับไปดูเธออีกครั้งตอน 19.00 น. และพบว่าเธอจากไปแล้ว เธอน่าจะจากไปก่อนหน้านั้นประมาณ 1-2 ชั่วโมง ผมรู้ว่าเธอเพิ่งจะออกไปเล่นที่สวนกับน้องหมาตัวอื่น ๆ มาเหมือนอย่างที่เคยทำ เพราะผมสังเกตเห็นที่เท้าของเธอเปื้อนดิน
ขอบคุณกาบังสำหรับ 5 ปีแห่งความรัก ความซื่อสัตย์และความสุขที่ไม่มีเงื่อนไขที่เธอนำมาสู่ครอบครัวของเรา ขอบคุณสำหรับบทเรียนชีวิตและแรงบันดาลใจที่เธอให้กับโลกใบนี้ เราจะคิดถึงเธอ หวังว่าจะได้พบเธออีกครั้ง หลับให้สบายนะกาบัง”
ด้วยวีรกรรมการเสียสละและภักดีของกาบัง ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ได้ถูกกล่าวถึงและสร้างความประทับใจให้กับผู้คนเรื่อยมา ทำให้กลุ่มคนรักสัตว์ชาวฟิลิปปินส์ได้ช่วยกันระดมทุนจัดสร้างรูปปั้นของกาบังขึ้นเพื่อระลึกถึงวีรกรรมที่เธอเคยทำไว้ด้วย
“ขอบคุณสำหรับ 8 ปีที่เต็มไปด้วยบทเรียนยอดเยี่ยมในความรักชีวิตและรักโดยไม่มีเงื่อนไข ผมและครอบครัวคิดถึงแกแล้ว คาบัง แม้ว่าแกจากไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง ขอให้เราพบกันอีกนะ” สัตวแพทย์ Anton Mari H. Lim โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว