คนเรามักจะมองข้ามสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเสมอ อย่างแมวสายพันธุ์วิเชียรมาศที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน แต่กลับถูกหลายคนมองข้าม เพราะเห็นบ่อยจนคุ้นชิน และมองว่าแมวสายพันธุ์จากต่างประเทศน่ารักกว่า
แต่รู้หรือไม่ว่า แมวสายพันธุ์ไทยของเรากำลังกลายเป็นที่นิยมสำหรับทาสแมวในต่างประเทศ เมื่อไม่นานมานี้เฟซบุ๊กชื่อว่า Thidarat Zubidat ได้แบ่งบันเรื่องราวลงในกลุ่ม แมวจ๋า ทาสมาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องราวของเพื่อนที่ล่าสุดเพิ่งซื้อน้องแมวสายพันธุ์ไทยมาเลี้ยง ในราคา 25,000 บาท (ราคาที่ประเทศอิสราเอล)
โดยเจ้าของโพสต์ เผยว่า น้องเป็นแมวของเพื่อนที่ซื้อมาในราคา 25,000บาท (ราคาที่ประเทศอิสราเอล) โดยแมวสายพันธุ์นี้ที่ประเทศอิสราเอลขาย 20,000+ ที่มาบอกราคาไม่ใช่จะอวดว่าซื้อมาแพง เพราะไม่ใช่แมวของเรา เป็นแมวของเพื่อนจ้า
หลงดวงตาของน้องไม่ไหว ทำไมน่ารักขนาดนี้
แต่จุดประสงค์ที่อยากจะมาโพสต์บอกก็เพราะว่า ที่ต่างประเทศเขาต้องเสียเงินแพง ๆ กว่าจะได้กว่าจะได้แมวไทยมาเลี้ยง แถมหายากมาก ซึ่งตนก็อยากให้คนไทยเห็นคุณค่าแมวไทยและอนุรักษ์ไว้อย่าทิ้งขว้างน้อง ๆ เลย ต่างชาตินิยมเลี้ยงน้องแมวพันธุ์นี้มาก พวกเขาบอกว่าแมววิเชียรมาศมีเสน่ห์ที่โดดเด่น น่าหลงใหล เป็นเอกลักษณ์ สง่างาม และเท่ห์ไปพร้อมกัน แมวไทยก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก เห็นแล้วภูมิใจ
โพสต์ดังกล่าว
หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ชาวเน็ตทาสแมวที่อยู่ในกลุ่มก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นบอกว่า ตนเองก็เห็นด้วย ว่าแมวไทยน่ารักที่สุด ทั้งขี้อ้อนทั้งขี้เล่น ที่บ้านก็เลี้ยงแมวจร 2 ตัว ตัวนึงเป็นแมวไทยแท้อีกตัวนึงเป็นแมวผสม ซึ่งทั้ง 2 ตัวมีนิสัยแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยแมวไทยวิ่งเล่นทั้งวันดูร่าเริง แต่แมวผสมน้องนอนอย่างเดียว
ส่วนชาวเน็ตรายนี้ ส่งตรงมาจากเกาหลี ชื่อน้องทัลอา พร้อมกับบอกว่า ที่เกาหลีค่าสินสอดน้องก็แอบแพงอยู่เหมือนกัน
นอกจากนี้ก็มีชาวเน็ตอีกหลายคนเข้ามาโพสต์อวดลูก ๆ วิเชียรมาศกันเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ก็มีน้องแมวสายพันธุ์อื่น ๆ อดีตเคยเป็นแมวจร ที่ถูกทาสเก็บมาเลี้ยง
ส่วนน้องเหมียวตัวนี้เรียก พันแข้งพันขา ที่มาพร้อมกับโรค (โรคหูตึง)
เรียกได้ว่าราคาต่างประเทศแพงไม่ไหวเลยจริง ๆ ค่ะ แต่คนไทยกลับเอาไปทิ้ง ได้โปรดอย่าทำแบบนั้นเลยนะคะ หนึ่งชีวิตก็มีค่า ไม่ใช่ขยะที่คิดจะทิ้งขว้างยังไงก็ได้ ส่วนท่านใดที่ช่วยเหลือรับเลี้ยงน้องแมวจรจัดก็ขอให้ชีวิตมีแต่ความสุขความเจริญ ขอบคุณที่พวกคุณมอบโอกาสให้หนึ่งชีวิตตัวน้อย ๆ ได้มีชีวิตอยู่ต่อบนโลกใบนี้