โดยผู้เสียหายท่านนี้เล่าว่า ตนเป็นแฟนคลับตัวยงของศิลปินท่านนี้ ตามภาษาในวงการจะเรียกว่า “พ่อยก-แม่ยก” และมีการมอบเงิน สิ่งของให้โดยเสน่ห์หาตามประสาแม่ยก
ในตอนแรกตนก็ติดตามศิลปินท่านนี้แบบที่แฟนคลับคนอื่น ๆ แต่ภายหลังตนได้พูดคุยและสนิทสนมกับศิลปินมากขึ้น ทางศิลปินได้มีการเอ่ยปากยืมเงินและทักหาผู้เสียหายขอยืมเงินอยู่เรื่อย ๆ โดยมักใช้คำว่าออกให้พี่ก่อน ด้วยความที่รักและชื่นชอบ บวกกับผู้เสียหายก็มองว่ายังไงเขาก็เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง ออกทัวร์ไม่กี่ครั้งเขาก็คงคืนให้เราหมดแล้ว
แต่พักหลัง ๆ มีการทักหาให้โอนเงินให้แบบเล็ก ๆ น้อยน้อย เช่น ขอค่าลาบ ค่าช็อปปิ้งออนไลน์ ค่าจิปาถะเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คนปกติไม่น่าจะยืมกัน ก็ทักยืม โดยท้ายประโยคจะมักจะลงท้ายด้วยคำพูดหว่านล้อมในเชิงว่า เอ็งเป็นน้องแท้ ๆ ของพี่ พี่รักเอ็งเหมือนน้องแท้ ๆ ด้วยความไว้ใจของผู้เสียหายจึงโอนให้มาโดยตลอด เคยหนักที่สุดจนถึงขอให้ผู้เสียหาย นำรถไปรีไฟแนนซ์เพื่อเอาเงินมาให้ศิลปินคนนั้นยืม แต่ก็ไม่ได้คืนจนถึงปัจจุบันนี้ ผู้เสียหายบอกว่ายอดรวมทั้งหมดที่นับสลิปได้ ไม่ต่ำกว่า 300,000 บาท ยังไม่รวมค่าเล็ก ๆ น้อย ๆ แม้กระทั่งของใช้ในบ้านของศิลปินคนนี้ ก็ล้วนเป็นเงินของผู้เสียหายท่านนี้ ทั้ง อาหารแมว และของใช้ในบ้านอื่น ๆ ยังให้ผู้เสียหายเป็นคนซื้อให้
ผู้เสียหายต้องทนทุกข์ทรมานใจ เพราะจะเข้าร้องใครก็กลัวว่าจะไม่คืบหน้า ทางผู้เสียหายเคยขอคำปรึกษาจากทนายแก้วแล้ว ทางทนายทนายแก้วให้คำปรึกษาว่าสามารถฟ้องได้ในกรณีนี้ แต่เมื่อทางศิลปินท่านนี้รู้ข่าวก็ขอเข้าเจรจาไกล่เกลี่ย และเรื่องนี้เคยเป็นข่าวมาแล้วพักหนึ่งแต่เมื่อเรื่องเงียบ ศิลปินท่านนี้ก็บ่ายเบี่ยงและไม่ใช้เงินคืนให้เหมือนเดิม
ผู้เสียหายยังบอกอีกว่า ในส่วนที่ตนให้โดยเสน่หา ตนไม่ได้เอามาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องนี้ เพียงแต่พักหลังศิลปินท่านนี้ใช้คำว่าขอยืม แต่เมื่อตนทวงก็ไม่เคยได้คืนเสียที ผู้เสียหายเคยเครียดจนถึงขั้นจะจบชีวิตตัวเอง เนื่องจากปัญหาหนี้สินที่รุมเร้า และความเครียดสะสม แต่มีคนมาพบก่อน ตนเลยรอด
ในลำดับแรกทางเป็นหนึ่งจะเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยเรื่องนี้อย่างจริงจังก่อน หากยังไม่มีอะไรคืบหน้าหรือทางศิลปินท่านนี้ไม่มีท่าทีจะรับผิดชอบใด ๆ เราจะพาผู้เสียหายดำเนินการในขั้นตอนทางกฎหมายเพิ่มเติมต่อไป