เกิดเหตุมือปืน 5 คนในชุดลายพรางเปิดฉากยิงใส่ผู้คนด้วยอาวุธปืนอัตโนมัติในคอนเสิร์ตที่ศาลาว่าการครอคัส ชานกรุงมอสโกของรัสเซีย เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ตามเวลาท้องถิ่น เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิต 60 ราย และได้รับบาดเจ็บมากกว่า 100 คน
เปลวไฟสีส้มพุ่งขึ้นพร้อมกับควันดำจำนวนมากเหนือท้องฟ้าของศาลาว่าการเมืองครอคัส โดยสื่อของรัสเซียรายงานว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้น 2 ครั้งในสถานที่ดังกล่าว และมีรายงานว่ามือปืนยังคงหลบซ่อนอยู่ภายในอาคารแห่งนี้
เหตุกราดยิงดูเหมือนจะเริ่มต้นในคอนเสิร์ตของวงดนตรีปิคนิค พยานคนหนึ่งระบุว่ามีเสียงปืนดังขึ้นข้างหลัง จากนั้นผู้คนเริ่มแตกตื่นวิ่งหนีไปที่บันไดเลื่อน พร้อมกับกรีดร้องด้วยความตกใจ
ในชั้นนี้ยังไม่ชัดเจนว่ามือปืนคือใคร สำนักข่าวรัสเซียระบุว่าได้มีการส่งรถพยาบาลและทีมเจ้าหน้าที่ 70 คนไปยังสถานที่เกิดเหตุแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นการก่อเหตุโจมตีที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในรัสเซียในรอบหลายปี
สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียอ้างข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคงกลางของรัสเซีย (เอฟเอสบี) ว่ามีผู้เสียชีวิต 40 ราย และได้รับบาดเจ็บมากกว่า 100 คน ก่อนที่ในเวลาต่อมาได้มีการปรับจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 60 ราย โดยเอฟเอสบีย้ำว่ามีการดำเนินมาตรการที่จำเป็นทั้งหมดแล้ว
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า รัสเซียได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยทั้งที่สนามบิน สถานีรถไฟต่างๆ รวมถึงทั่วกรุงมอสโก ซึ่งเป็นเมืองหลวงที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่และมีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 21 ล้านคนแล้ว
กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการโจมตีอันนองเลือดของผู้ก่อการร้าย และประชาคมโลกต้องประณามอาชญากรรมอันร้ายแรงนี้ ขณะนี้ความพยายามทั้งหมดได้ถูกส่งไปเพื่อช่วยชีวิตผู้คนแล้ว
ขณะที่ยูเครนรีบออกมายืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรัสเซียวันนี้ นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับยูเครน
ด้านนายดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซียซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานคณะมนตรีความมั่นคงของรัสเซียออกมาระบุว่า รัสเซียจะทำลายเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครน หากมีความเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น
ด้านนายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า ภาพเหตุการณ์ในมอสโกเป็นเรื่องที่น่ากลัวและยากที่จะดู พร้อมกับส่งกำลังใจให้กับเหยื่อของเหตุโจมตีด้วยการกราดยิงที่น่าสยดสยองดังกล่าว
