เมื่อช่วงเย็นวันที่ 12 เม.ย.2567 พ.ต.อ.ภูมิ บาลทิพย์ ผกก.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รับรายงานจาก พ.ต.ท.อดินันท์ วงศ์หมัดทอง รอง ผกก.ป. สภ.หาดใหญ่ ว่า มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียจำนวนมากถูกไกด์เถื่อนหลอกจองห้องพักช่วงเทศกาลสงกรานต์ โอนเงินมาให้จองห้องพักตั้งแต่เดือน พ.ย.66 แต่เมื่อมาถึงแล้วไม่มีห้องพักให้
เจ้าหน้าที่นำกำลังไปตรวจสอบที่หน้าโรงแรมญันนะตีย์โฮเต็ล ถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 ตั้งอยู่ใจกลางเทศบาลนครหาดใหญ่ พบรถบัสโดยสารจอดอยู่ 4 คัน มีกลุ่มนักท่องเที่ยวมาเลเซียทั้งผู้ใหญ่และเด็กเล็กยืนอออยู่หน้าโรงแรม พนักงานโรงแรมแจ้งว่า ไกด์คนไทยที่รับเงินค่าจองห้องพักกับบริษัททัวร์มาเลเซียไม่ได้จองห้องพักกับโรงแรมแต่อย่างใด ไม่สามารถให้นักท่องเที่ยวเข้าพักได้
ในเวลาต่อมา ตำรวจติดต่อและตามตัวไกด์หญิงคนไทย ผู้รับจองห้องพักให้มาพบที่โรงแรมเพื่อแก้ไขปัญหา ทราบชื่อ น.ส.วณิชชา หรือเน อาชารัตนะ อายุ 39 ปี ทันทีที่ น.ส.วณิชชาพร้อมเพื่อนสาวทำงานเป็นไกด์นำเที่ยวด้วยกันมาถึงโรงแรม และเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวพร้อมตำรวจถึงกับหน้าซีด ขณะที่ไกด์มาเลเซียและนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งกรูเข้าไปสอบถามเรื่องห้องพัก น.ส.วณิชชาอ้างตัวว่า เป็นพนักงานอยู่โรงแรมแห่งนี้ ขอให้ใจเย็นๆ จะจัดหาห้องพักให้
ด้านไกด์ชาวมาเลเซียเผยว่า นำนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียมาเที่ยวงานสงกรานต์หาดใหญ่ จ่ายเงินจองห้องพักกับบริษัททัวร์มาเลเซีย จองห้องพักล่วงหน้า 2 คืน 3 วัน ทั้งหมด 64 ห้อง รวมเป็นเงิน 69,840 ริงกิต หรือประมาณ 539,000 บาท ตั้งแต่เดือน พ.ย.66 บริษัททัวร์ได้โอนเงินจองค่าห้องพักเข้าบัญชี น.ส.วณิชชา ไกด์ทัวร์และเอเย่นต์ฝั่งไทย
เมื่อถึงวันเดินทาง นำนักท่องเที่ยว 140 คน ขึ้นรถบัสโดยสาร 4 คัน จากประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่เวลา 03.00 น. มาถึงหน้าด่านสะเดา จ.สงขลา เวลา 06.00 น. หลังผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองได้แวะเที่ยวตามจุดต่างๆใน จ.สงขลา จนถึงเวลา 12.00 น. นักท่องเที่ยวต้องเข้าห้องพักโรงแรม น.ส.วณิชชา แจ้งมาว่ากำลังหาห้องพัก ให้พานักท่องเที่ยวแวะที่ไหนก่อนก็ได้ ตนต้องให้คนขับรถบัสขับวนพานักท่องเที่ยวแวะซื้อของฝากเพื่อยื้อเวลาออกไป
จนถึงเวลา 16.00 น. ตนให้คนขับรถบัสทั้ง 4 คัน ขับมาจอดหน้าโรงแรมที่บริษัททัวร์จองไว้ เมื่อ น.ส.วณิชชา เดินทางมาถึงโรงแรมครั้งแรกได้แจ้งกับตนว่าหาห้องพักได้แค่ 10 ห้องเท่านั้น จากนั้น น.ส.วณิชชาหายออกจากโรงแรมไป ก่อนกลับมาอีกรอบเวลา 18.00 น. แจ้งกับตนว่าในเขตตัวเมืองหาดใหญ่ไม่มีห้องพักเหลือเลย ทุกโรงแรมเต็มหมดแล้ว และบ่ายเบี่ยงไม่รับผิดชอบ ทำให้ตนและกลุ่มนักท่องเที่ยวเริ่มไม่พอใจ มีนักท่องเที่ยวบางส่วนอยากกลับประเทศมาเลเซียทันที แต่บางกลุ่มอยากเที่ยวสงกรานต์หาดใหญ่เพราะจองทริปเที่ยวตั้งแต่ปีที่แล้ว และคืนนี้ยังไม่รู้จะนอนพัก ที่ไหนเพราะโรงแรมเต็มหมดแล้ว
ต่อมา พล.ต.ต.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ เดินทางมาที่โรงแรมพร้อมนายราเชนท์ อาตมาตร อายุ 52 ปี เจ้าของโรงเเรมญันนะตีย์โฮเต็ล เพื่อแก้ปัญหาห้องพักให้กับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียกลุ่มดังกล่าว เมื่อ พล.ต.ต.สาคร เดินมาที่โต๊ะที่ตำรวจกำลังสอบปากคำ น.ส.วณิชชาและเพื่อน พล.ต.ต.สาครได้ต่อว่าทั้งคู่ทันทีว่า “สิ่งที่ทำอยู่นี้ทำให้ประเทศไทยและเมืองหาดใหญ่เสียชื่อเสียงอย่างมาก เข้าไปอยู่ในคุกทั้งคู่เลย”
ก่อนจะหันมาพูดกับผู้สื่อข่าวว่า ได้คุยกับนายราเชนท์ เจ้าของโรงแรมเพื่อแก้ปัญหาเบื้องต้น นายราเชนท์สั่งให้เปิดห้องนวดและห้องประชุมโรงแรมเป็นที่พักชั่วคราว พร้อมติดต่อโรงแรมรอบนอกเพื่อช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทั้งหมดให้มีที่หลับที่นอน ส่วนเรื่องคดีปล่อยให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
จากนั้นชุดสืบสวน สภ.หาดใหญ่ และงานสืบสวนตำรวจท่องเที่ยว คุมตัว น.ส.วณิชชาไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.หาดใหญ่ พร้อมเชิญไกด์บริษัททัวร์มาเลเซีย ที่โอนเงินจองค่าห้องพักให้กับ น.ส.วณิชชาไปสอบปากคำด้วย หลังเค้นสอบนานกว่า 2 ชั่วโมง น.ส.วณิชชารับสารภาพว่า นำเงินค่าจองห้องพักของนักท่องเที่ยวทั้งหมดไปใช้ส่วนตัวเกือบหมดแล้ว เหลือเงินจองห้องพักได้แค่ 10 ห้องเท่านั้น และจะชดใช้ค่าเสียหายให้ก่อน 25,000 บาท
ตรวจสอบประวัติ น.ส.วณิชชาพบเคยก่อเหตุแบบเดียวกันนี้มาแล้วในพื้นที่ สภ.คอหงส์ จ.สงขลา มีบริษัททัวร์อีกบริษัทของมาเลเซียเข้าแจ้งความไว้เมื่อต้นปี 2566 นอกจากนี้ น.ส.วณิชชายังเปลี่ยนชื่อ และนามสกุลมาแล้วถึง 6 ครั้ง ก่อนหน้านี้ใช้ชื่อ น.ส.จิราพัชร์ อัศวเจริญชัย ก่อนจะเปลี่ยนชื่อ ล่าสุดคือ น.ส.วณิชชา อาชารัตนะ หลังสอบปากคำแล้วเสร็จ แจ้งข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์ฯ” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป