ผอ.แจงอีกมุม เด็ก ม.3 เสียชีวิต ขณะไปทัศนศึกษา หลังแม่ร้องเพจดัง ยันโรงเรียนช่วยเต็มที่แล้ว เศร้าน้องเป็นเด็กเรียนดี อยู่กับตายาย
วันที่ 21 เม.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณี แม่ของนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ เข้าร้องทุกข์กับ สายไหมต้องรอด ให้ช่วยเหลือ หลังลูกชายไปร่วมปัจฉิมนิเทศ ที่โรงเรียนจัดขึ้นที่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี แล้วเกิดอุบัติเหตุขณะทำกิจกรรมพุ่งลงทะเล แต่หัวกระแทกพื้นทรายจนเสียชีวิต แต่ทางโรงเรียนกลับไม่มีการช่วยเหลือเยียวยาเท่าที่ควร
โดย น.ส.พัชรี (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี แม่ของ น้องดริฟ อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 เข้าพบ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ให้ช่วยเหลือ หลังมองว่าการเสียชีวิตของลูกชายมีข้อสงสัยและไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังโรงเรียนพาไปทำกิจกรรมปัจฉิมนิเทศ ที่หาดนางรำ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2567 ที่ผ่านมา
โดยทางโรงเรียนชี้แจงว่า ก่อนเหตุการณ์เกิดขึ้น ลูกชายร่วมเล่นฟุตบอลชายหาดกับเพื่อนนักเรียน แต่ระหว่างทำกิจกรรมในกลุ่มนักเรียน ได้ตั้งกฎลงโทษกัน โดยการทำท่าสมอบก หรือพุ่งเอาหัวปักพื้นทราย ทำให้ลูกชายหมดสติ และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวต้องยืมเงินและกู้เงินมาจัดงานศพเป็นเงินจำนวนหลายหมื่นบาท แต่เมื่อทวงถามความรับผิดชอบจากทางโรงเรียน กลับได้รับเงินช่วยเหลือซึ่งได้มาจากการเรี่ยไร จำนวนกว่า 10,000 บาท ซึ่งก็ยังไม่เพียงพอ ทำให้ต้องรับภาระหนี้สินจำนวนมาก
โดยเพจสายไหมต้องรอด จะพาครอบครัวผู้เสียชีวิตเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.สัตหีบ ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมประสานงานกับทางกระทรวงศึกษาธิการ ให้ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นอีกด้วย
ล่าสุด วันที่ 22 เม.ย.2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่โรงเรียนบ้านไร่เหนือ ต.บัววัฒนา อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ โดย นายก้องเกียรติ มากสมบูรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านไร่เหนือ เปิดเผยว่า ทางโรงเรียนจัดกิจกรรมการเรียนรู้นอกสถานที่ โดยการพาเด็กนักเรียนเดินทางไปทัศนศึกษาที่จังหวัดชลบุรี ไม่ใช่ปัจฉิมนิเทศตามที่เป็นข่าว เพราะการจัดกิจกรรมปัจฉิมนิเทศทางโรงเรียนจัดเสร็จเรียบร้อยไปก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วนงานศพของ น้องดริฟ อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 ที่เสียชีวิต ตนและคณะครูช่วยกันจัดงานให้อย่างสมเกียรติ คอยดูแลตลอดงานทั้งอาหารเครื่องดื่ม เนื่องจากเด็กที่เสียชีวิตอาศัยอยู่กับตาและยาย ส่วนค่าใช้จ่ายทางโรงเรียนช่วย 1 หมื่นบาท กองทุนหมู่บ้านช่วย 1 หมื่นบาท เพื่อนๆของตนช่วย 1 หมื่น เขตพื้นที่การศึกษาช่วยมา 5 พัน ทางทหารเรือที่ชลบุรีช่วยมาอีก 5 พัน เงินจากผู้มาร่วมงาน 1 หมื่นบาท รวมแล้ว 5 หมื่นบาท
ซึ่งก็เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงาน ส่วนเงินประกันอุบัติเหตุจำนวน 1แสนบาท ทางโรงเรียนกำลังเดินเรื่องให้ ซึ่งเงินจำนวนนี้คุณตาและคุณยายขอเป็นผู้รับเอง เพราะตากับยายเป็นคนเลี้ยงดูและดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตนยืนยันว่าไม่เคยทอดทิ้งดูแลมาตั้งแต่วันที่เกิดเหตุดูแลตลอด แต่พอมาเห็นข่าวตนรู้สึกเสียใจมากเพราะสิ่งที่ตนทำไปเพราะความรักเด็กไม่ใช่เพราะความผิด
นางสายรุณ (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี น้าของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ เนื่องจากไปทัศนศึกษากับทางโรงเรียน เปิดเผยว่า การเสียชีวิตของหลานชายเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้นเพราะขณะเกิดเหตุทั้งเด็กและครูก็ลงเล่นน้ำกัน ครูก็ดูแลใกล้ชิดส่วนตนนั่งดูอยู่ด้านบนแต่ก็เห็นหลานชายกระโดดน้ำอย่างสนุกโดยการพุ่งตัวลงน้ำ
แต่เป็นจังหวะที่คลื่นซัดน้ำลงทะเลทำให้หัวไปกระแทกกับทรายทำให้คอหัก ได้ยินเสียงเด็กตะโกนเรียกว่าดริฟหัวแตก ตนจึงวิ่งไปดูถามหลานดริฟว่าเป็นไรบ้าง หลานตอบว่าหายใจไม่ออกก็มีคนมาช่วยทำพีซีอาร์ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล
ด้าน นางทองม้วน (สงวนนามสกุล) อายุ 67 ปี ยายของน้องดริฟ เล่าว่า เลี้ยงหลานมาตั้งแต่ตัวยังเล็ก เพราะพ่อแม่แยกทางกัน ต่างคนก็ไปมีครอบครัวใหม่ เป็นหลานคนเดียวที่คอยช่วยยาย เป็นคนพายายไปหาหมอ
ยายเล่าทั้งน้ำตาว่า ถ้าหลานยังอยู่วันพรุ่งนี้หลานต้องพายายไปหาหมอ แต่ตอนนี้ไม่มีใครพายายไปหาหมอแล้ว เพราะตาเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว ตามีอาชีพขายลอตเตอรี่
สำหรับ น้องดริฟ ผู้เสียชีวิต เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.90 ถือว่าเป็นเด็กเรียนดี และใฝ่ฝันอยากเป็นข้าราชการ