ด่วน!! บุกจับเน็ตไอดอลตัวแม่ คนติดตามเกือบล้าน

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ได้จับกุมตัวนุ่นโอนลี่แฟน น.ส.ลลดา บุปผาวาสกุล อายุ 23 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 40/1 หมู่ 5 ต.คำตากล้า อ.คำตากล้า จว.สกลนคร ผู้ต้องหาเคยเป็นนางแบบถ่ายโฆษณาสินค้าในสื่อออนไลน์ จนมีผู้ติดตาม ในช่องทาง facebook จำนวน 300,000 ราย ใน intragramm มีผู้ติดตามจำนวน เกือบ 7 แสนราย จนถือว่าเป็นระดับ ตัวแม่ ตัว mom ในวงการ นางแบบ ถ่ายโฆษณาสินค้า ได้ผันตัวเองมาโฆษณา ชักชวน บุคคลทั่วไปให้เล่นการพนันออนไลน์ โดยมีการ แป๊ะ ลิ้ง ชักชวน ให้เยาวชนผู้ติดตามเข้าไปร่วมเล่นการพนันออนไลน์สร้างความเสียหายให้กับสังคม.

ซึ่งกระทำความผิดฐาน “ผู้ใดจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน”

จับกุมภายในห้องพักคอนโด แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร พฤติการณ์ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวน หาข่าว จนทราบว่าผู้ถูกจับ มีพฤติการณ์ประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนัน โดยการโพสต์ภาพลงในบัญชีเฟซบุ๊คส่วนตัว มักจะใส่แท็กไอดีไลน์เว็บไซด์การพนันไว้ใต้คอมเม้นของภาพที่โพสต์ จะมีการเชิญชวนให้สมัครเว็บไชต์คาสิโนออนไลน์ ลิงก์สมัครของเว็บพนันที่มีชื่อว่า omega9 และสืบทราบว่าว่า ผู้ถูกจับพักอาศัยอยู่ภายในห้องคอนโดแห่งหนึ่ง ถนนนาคนิวาส แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร

เจ้าหน้าที่ตำรวจขุดจับกุมจึงได้จัดทำรายงานการสืบสวนเพื่อขออนุมัติขอออกหมายค้นต่อศาลอาญา เพื่อทำการตรวจค้น พบ และยึดสิ่งของซึ่งมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยผิดกฎหมาย หรือได้ใช้ หรือตั้งใจจะใช้ในการกระทำความผิด เพื่อยึดไว้เป็นพยานหลักฐานประกอบการสอบสวนเพื่อดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี และศาลได้อนุมัติหมายค้นศาลอาญาที่ 220/2567 ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจค้นสถานที่ดังกล่าว

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำหมายค้นเข้าทำการตรวจค้นห้องดังกล่าว เมื่อเดินทางไปถึงปรากฏว่า พบผู้พักอาศัยทราบชื่อภายหลังว่านางสาวลลดา หรือนุ่น รับว่าเป็นผู้พักอาศัยอยู่ภายในห้องดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทั้งได้แสดงหมายค้นศาลอาญาที่ 220/2567 ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 ดังกล่าว พร้อมทั้งอ่านหมายค้นให้ฟังและให้อ่านเองแล้วทราบและเข้าใจดีแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าทำการตรวจค้นโดยยินยอมเป็นผู้นำตรวจค้นห้องดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจค้นพบ โทรศัพท์ I phone 15 pro max ซึ่งเป็นโทรศัพท์ของนางสาวลลดา ฯ อยู่ที่ตัวของนางสาว ลลดาฯ จึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ดังกล่าว พบแอปพลิเคชั่น เฟซบุ๊คพบว่า บัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊คดังกล่าวคือนางสาวลลดาฯ ได้มีโพสต์โฆษณาชักชวนเล่นการพนันออนไลน์บนแอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊คหลายครั้ง และตรวจค้นแอปพลิเคชั่น อินตราแกรมพบว่า บัญชีผู้ใช้อินตราแกรม ซึ่งผู้ใช้บัญชีดังกล่าวคือนางสาวลลดา ฯ ได้มีการโพสต์โฆษณาชักชวนเล่นการพนันนออนไลน์ บนแอปพลิเคชั่นอินตราแกรม ด้วยเช่นกัน

จากการสอบถามนางสาวลลดาฯให้การรับว่าตนเป็นเจ้าของและผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊คและบัญชีอินสตราแกรมดังกล่าวและตนได้เริ่มชักชวนและโฆษณาให้บุคคลภายนอกและประชาชนทั่วไปที่เข้าถึงเล่นการพนันออนไลน์ดังกล่าว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 เป็นต้นมา ซึ่งปัจจุบันได้มีเว็บการพนันออนไลน์จำนวน 2 เว็ปไซต์ เป็นผู้ว่าจ้างให้ข้าฯโฆษณาและชักชวน โดยได้รับค่าตอบแทนในการชักชวนเป็นเงินจำนวน 20,000 บาทต่อการโพสต์ภาพครบ 30 ครั้ง/ 1 เว็บไชต์ จริง

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้แก่ นางสาวลลดา ทราบว่ากระทำความผิดฐาน “ผู้ใดจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน” แจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ถูกจับทราบ โดยเมื่อผู้ถูกจับรับทราบข้อกล่าวหาผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และ สิทธิของผู้ถูกจับดังกล่าวข้างต้นโดยตลอดแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้จัดทำบันทึกการจับกุม และ นำตัวผู้ถูกจับส่งพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ สถานีตำรวจนครบาลโชคชัย ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่า จากนโยบายปราบปรามการพนันออนไลน์ทุกรูปแบบของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. , ซึ่งในสื่อสังออนไลน์ปรากฏว่ามีการโฆษณาชักชวนเล่นการพนันผ่าน “เน็ตไอดอล” หรือ บุคคลที่มีชื่อเสียง หรือมีอิทธิพลตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ประกาศโฆษณาชักชวนประชาชนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น Line, Facebook, Instagram, TikTok เป็นต้น มีการโฆษณามีโปรโมชันเล่นเสียคืนเงิน หรือให้เครดิตจูงใจเพื่อให้มีคนเข้าไปเล่นการพนัน ฝากไปยังบุคคลที่มีชื่อเสียงในสื่อสังคมออนไลน์ที่ยังมีพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าวอยู่ ให้หยุดการกระทำนั้นเสีย จะอ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นความผิดไม่ได้ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกรายอย่างเด็ดขาด และผู้นั้นจะถูกยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน อีกด้วย นอกจากนี้แล้วการโฆษณาต่างๆ ยังทำให้ผู้ที่หลงเชื่อเข้าเล่นการพนันอาจจะถูกกลโกงของมิจฉาชีพหลอกลวงเอาทรัพย์สิน หรือเสี่ยงถูกนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในทางทุจริต