จับตา! 2 เรื่องใหญ่ บ่งชี้ใกล้ถึงจุดจบ ‘รัฐบาลเพื่อไทย’

20 พ.ค. 2567 – รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า แรกทีเดียวคิดว่าจะไม่เขียนเกี่ยวกับเรื่องข้าว 10 ปี แต่ต้องเปลี่ยนใจเมื่อเห็นนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้สัมภาษณ์ซึ่งเกือบจะเรียกได้ว่า “ด่ากราด” ทุกคนที่วิพากษ์วิจารณ์การจัด event กินข้าวโชว์ และการดึงดันที่จะเดินหน้าประมูลขายข้าวโดยไม่ฟังเสียงทักท้วงของใครทั้งสิ้น

นายภูมิธรรม กล่าวหาคนที่วิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลายว่ากำลังทำลายข้าวไทย กำลังทำลายชาติ และเปิดเผยว่า ได้ให้ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่มาดูแล้ว เห็นว่าสามารถปรับปรุงคุณภาพข้าวและสามารถส่งไปขายที่แอฟริกาได้ นายภูมิธรรมยังบอกว่า คนแอฟริกันชอบกินข้าวเก่า ดังนั้นจึงไม่ฟังเสียงทักท้วงจากทั้งนักวิขาการ และนักการตลาดทั้งหลายว่า ไม่ควรนำข้าวอายุ 10 ปี ไปขายให้มนุษย์กิน แต่ควรนำไปใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตเป็นสินค้าอย่างอื่นที่ไม่ต้องบริโภคเช่น แอลกอฮอล์ เพราะเสี่ยงต่อการทำให้ ภาพลักษณ์ของแบรนด์ “ข้าวไทย” เสียหายอย่างใหญ่หลวง

ยังไม่ทันไร เปิดยูทูปเห็นข่าวจากประเทศไนจีเรีย รายการ ” Business Hour ” เขารายงานข่าวว่า ไทยกำลังพยายามส่งข้าวอายุ 10 ปี มาขายให้ไนจีเรีย ผู้ประกาศข่าวเรียกร้องให้ชาวไนจีเรียทุกคนเฝ้าระวังอย่าให้ข้าวอายุ 10 ปี ผ่านเข้ามาในไนจีเรียได้ เขาย้ำคำว่า อายุ 10 ปีหลายครั้ง และยังใช้คำว่า ข้าวอายุ 10 ปี “zero nutrient with harmful toxins” หรือ ”คุณค่าทางโภชนาการเป็นศูนย์ แต่มีสารพิษที่เป็นอันตราย”

เพียงเท่านี้ ยังไม่ทันได้ส่งข้าวไปจริง คนไนจีเรียก็ตื่นตัวกันหมดแล้ว ชื่อเสียงของข้าวไทยก็แทบจะพินาศย่อยยับไปแล้ว หากส่งไปจริงก็จะเป็นข่าวดังไปทั่วโลกว่า คนไนจีเรียลุกขึ้นต่อต้านข้าวไทย อย่างนี้ไม่พินาศย่อยยับแล้วจะเรียกว่าอะไร แต่เชื่อเถอะ คุณภูมิธรรมก็คงไม่ฟัง จะยังคงดึงดันจะทำให้ได้ และจะยังโยนความผิดให้คนที่วิพากษ์วิจารณ์คัดค้าน ทำให้เป็นข่าวไปถึงไนจีเรีย โดยทำลืมไปว่าตัวเองไปจัดงาน event กินข้าวโชว์ถึง 2 ครั้ง

หากเป็นจริงว่า ได้ให้ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่มาดูแล้ว และยืนยันว่าสามารถส่งออกได้ ถ้าเช่นนั้นการกินข้าวโชว์ ทำไปเพื่ออะไรกันแน่

มีข่าวว่าขณะนี้ได้ส่งตัวอย่างข้าวไปให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจ ซึ่งก็ขอเดาว่า ผลจะออกมาว่าไม่พบสารพิษใดๆ และการประมูลขายข้าว 10 ปี ก็จะดำเนินต่อไป

การดึงดันจะทำให้ได้ ท่ามกลางเสียงทักท้วงของคนมากมาย ดูจะเป็นพฤติกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ครั้งจำนำข้าว นักเศรษฐศาสตร์ที่เชี่ยวชาญเรื่องข้าวอย่าง ศ.ดร.อัมมาร สยามวาลา ซึ่งถือว่าเป็นเกจิเรื่องข้าวเลยทีเดียวออกมาทักท้วง เช่นเดียวกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีหนังสือแนะนำให้หยุดเนื่องจากอาจมีการทุจริตถึง 2 ครั้ง ก็ยังดึงดันทำต่อไปจนข้าวเต็มทุกโกดัง ประเทศอื่นๆ เขาหันไปซื้อข้าวจากประเทศอื่น เช่น เวียตนาม และอินเดีย เพราะข้าวของเรารัฐบาลรับซื้อทุกเมล็ดแล้วนำมาเก็บไว้ในโกดัง หวังให้ราคาขึ้นแต่ราคาไม่ขึ้น จะขายก็ขาดทุนจึงต้องเก็บไว้ต่อไปจนเก็บต่อไม่ไหวต้องค่อยๆ ระบายออก จนบัดนี้ยังระบายข้าวไม่หมด หนี้ธนาคาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ก็ยังเหลืออีก 2 แสนล้าน ยังไม่ต้องพูดถึงการทุจริตที่ทำให้มีคนติดคุกกันระนาว ส่วนผู้ที่เขาหันไปซื้อข้าวจากประเทศอื่น จนบัดนี้บางรายก็ไม่หันกลับมาซื้อข้าวไทยอีก

เช่นเดียวกับนโยบายการแจกเงิน digital wallet ที่ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยไม่เห็นด้วย อดีตผู้ว่า และรองผู้ว่าการธนคารแห่งประเทศไทยอีกหลายคน รวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำอีกกว่าร้อยคน ทำหนังสือคัดค้าน ป.ป.ช. ก็ไม่เห็นด้วย แทบจะเรียกว่าไม่มีใครเห็นด้วย นอกจากนักการเมืองในพรรคเพื่อไทย กับประชาชนจำนวนหนึ่งที่อยากได้เงินหมื่นโดยไม่คิดว่าจะเกิดผลกระทบทางลบต่อประเทศอย่างไร แต่รัฐบาลพื่อไทยก็ยังดึงดันต่อไป หากได้ทำจริงผลสุดท้ายก็คงไม่ต่างจากกรณีจำนำข้าวเท่าใดนัก

ถามว่า การแจกเงิน digital wallet จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ตอบได้ว่าจะเกิดขึ้นแน่ หากรัฐบาลเพื่อไทยยังอยู่ในอำนาจ ถามต่อว่า รัฐบาลเพื่อไทยจะอยู่ในอำนาจอีกนานแค่ไหน ตอบได้ว่าต้องคอยดูตัวบ่งชี้ 2 ตัว

หนึ่งคือ วันที่ 23 พฤษภาคม ศาลรัฐธรรมนูญจะรับวินิจฉัยกรณีที่ สว. 40 คน ยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีของนายพิชิต ชื่นบาน จะสิ้นสุดลงหรือไม่ และยังยื่นร้องให้วินิจฉัยตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผู้เสนอชื่อนายพิชิต เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายพิชิต ด้วยว่าจะสิ้นสุดลงด้วยหรือไม่

สองคือ วันที่ 29 พฤษภาคม สำนักงานอัยการสูงสุดจะสั่งฟ้องนายใหญ่พรรคเพื่อไทย กรณีความผิดตามมาตรา 112 หรือไม่ กรณีนี้หากสั่งฟ้อง ก็จะเป็นการดับความซ่าของคนบางคน และจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า ใกล้จะถึงจุดจบของรัฐบาลเพื่อไทยแล้ว

ต้องติดตามลุ้นกันแบบไม่กระพริบตานะครับ.