เวลา 11.00 น. นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ หรือ เชน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด และอดีตนักร้องชื่อดัง อายุ 37 ปี เดินทางมายัง สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 4 (พระนครใต้) เพื่อฟังคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา ความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงบริษัทไทยยินตัน ความเสียหายกว่า 79 ล้านบาท หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ยื่นขอเลื่อนไป
ในวันนี้ เชน ได้เดินทางมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวเพียงคนเดียว ส่วน น.ส.กาลย์กัลยา ภูโชคอนันต์ ภรรยา ไม่ได้เดินทางมาด้วย เนื่องจากภรรยาเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลกระทันหันหลังมีอาการป่วย
เชน เปิดเผย ก่อนที่จะเข้าไปฟังคำสั่งอัยการว่า “วันนี้ไม่ได้เครียด และภรรยาไม่ได้เดินทางมาเพราะป่วยเข้าโรงพยาบาล ซึ่งตนเองมาทำตามขั้นตอน ที่ผ่านมาตนพยายามร้องเรียนตลอดตั้งแต่ที่กองปราบฯ ว่าเรายังไม่ได้รับการสอบสวน หรือชี้แจงข้อมูลทางฝั่งของตนเองเลย เราได้ร้องไปทางฝั่งอัยการด้วย ซึ่งยืนยันว่าตนเองทำหน้าที่ตามสิทธิ์ของประชาชนอย่างเต็มที่ และเชื่อในความยุติธรรมของศาล
โดยคดีดังกล่าว พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ยื่นคำร้องเห็นสมควรสั่งฟ้องในคดีที่มีการกล่าวหาบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด โดย นายธนาตรัยฉัตร ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ, นายธนาตรัยฉัตร และ น.ส.กาลย์กัลยา ภูโชคอนันต์ ผู้ต้องหาที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงบริษัทไทยยินตัน 79 ล้านบาท
หลังจากเชน ธนา ฟังคำสั่งของอัยการเสร็จสิ้น ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อ โดยเชน กล่าวว่า วันนี้ตนใช้สิทธิ์ของประชาชนคนไทยมาตลอด 1 เดือน และพยายามตั้งคำถามว่า รายละเอียดข้อหาฉ้อโกงของตนและบริษัท เป็นเรื่องอะไร เพราะจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ทราบ
ที่ผ่านมาตนได้พยายามขอความเป็นธรรมกับสำนักอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีศาลแขวง 4 ต่อ อัยการสูงสุด สำนักงานอัยการสูงสุด ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ขอให้สอบสวนตนเพิ่มเติม เพราะตนมั่นใจว่าไม่ได้มีเจตนาฉ้อโกง สินค้าก็ไม่ได้ขาย แม้จะยอมขายขาดทุน ตนก็ไม่เคยทำ ซึ่งมันเป็นเพียงการบริหารตามขั้นตอนของบริษัทเมื่อสินค้าหมดอายุ ก็จะตีราคาตามอายุต่ำกว่ากึ่งหนึ่ง แต่ทั้งหมดเป็นเพียงการคาดเดา เพราะตนยังไม่ได้รับการติดต่อเพื่อให้ไปชี้แจงเพิ่มเติมเลย
วันนี้ยินดีที่จะเดินทางมาตามขั้นตอน ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้เดินทางไปร้องต่ออัยการสูงสุด ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับกลับมา แม้แต่การให้สืบสวนเพิ่มเติม แต่ความเข้าใจของตน ไม่ว่าจะมีอัยการสูงสุด กองอัยการหรืออัยการฝ่าย หรืออัยการเจ้าของคดี ก็น่าจะมีการเรียกสอบตนเพิ่มบ้าง จนกระทั่งวันนี้ที่ได้รับการสั่งฟ้อง ตนเองก็เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของศาล
ตนยอมรับว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมันส่งผลกระทบต่อบริษัท และการขายสินค้า ซึ่งไม่สามารถประเมินค่าความเสียหายได้ แต่ก็เข้าใจทุกอย่าง ซึ่งให้มันเป็นไปตามขั้นตอน ตนเองก็แสดงความบริสุทธิ์ใจ ด้วยการลดการออกหน้าจอทีวี แต่ในโซเชียล ตนก็ไปฝึกไลฟ์ เพราะว่า ตนเองมีพนักงานที่ร่วมรับผิดชอบกว่า 100 ชีวิต ซึ่งก็เข้าใจทางฝั่งของคู่กรณี ที่ได้รับความเสียหาย ตนก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน ในฐานะเจ้าของบริษัทก็ต้องประคองธุรกิจให้อยู่รอด
ทั้งนี้ ตั้งแต่มีเหตุการณ์เรื่องนี้เกิดขึ้น ภรรยามีความเครียดมาก ประกอบกับภูมิของร่างกายตก เมื่อเช้านี้อาเจียน คล้ายกับอาหารเป็นพิษ จึงจำเป็นต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล เบื้องต้น ตามใบรับรองแพทย์ เป็นระยะเวลา 3 คืน แต่ตัวเองก็มีความตั้งใจที่จะเดินทางมาในวันนี้ เพื่อยืนยันว่าไม่มีเจตนาหลบหนี ต้องการจะมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ วันนี้ตนก็นำใบรับรองแพทย์ของภรรยามายื่นต่ออัยการด้วย แต่ยังไม่ทราบในรายละเอียดว่าจะพิจารณาอย่างไร ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
อย่างไรก็ตาม เรื่องของหลักทรัพย์ในการประกันตัว ได้มีการเตรียมมาบ้าง แต่ไม่ขอระบุ ว่าเป็นโฉนดที่ดินทรัพย์สิน หรือ เงินสด