น้ำทะเลหนุนสูง คลื่นซัดร้านอาหารริมทะเล บ้านเรือนประชาชนใน จ.สุราษฎร์ธานี เสียหาย
เมื่อวันที่ 12 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่ บ้านพอด หมู่ที่ 1 ต.ชลคราม อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ต่างพากันเก็บของใช้ ที่ถูกน้ำทะเลหนุนสูงและลมแรง ทำให้คลื่นใหญ่ซัดเข้าฝั่ง น้ำทะเลเข้าบริเวณ ทำสิ่งของลอยไปกับน้ำ จนต้องเก็บกลับยกไว้ที่สูงกว่าเดิม
นายเสน่ห์ หอมเจริญ ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ในช่วงวันที่ผ่านมา ไม่มีทีท่าว่าจะเกิดเหตุการณ์ แต่เมื่อตอนตี 4 วันนี้ น้ำหนุนสูงประกอบกับลมแรงในเวลาเดียวกัน ทำให้เกิดคลื่นใหญ่ซัดข้ามเขื่อนหินทิ้งกันคลื่น ซึ่งไม่คาดคิดว่าจะแรงขนาดนี้ เพราะที่ผ่านมาเขื่อนหินทิ้งก็สามารถช่วยกันคลื่นได้เป็นอย่างดี จนทำให้บ้านหลังเล็กที่อยู่โซนหลังบ้าน ที่ใช้เก็บอุปกรณ์เกี่ยวกับการทำการประมงพื้นบ้าน ถูกคลื่นซัดจนพังทั้งหลัง อีกทั้งเป็นช่วงตี 4 ที่ยังไม่ตื่น ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ต้องทยอยเก็บในต้องเช้าเท่าที่ จะเก็บได้ที่เสียหาย ก็ต้องยอม
นอกจากนั้นในส่วนของร้านอาหารริมทะเล หลายจุดก็ถูกคลื่นใหญ่ซัดจน โซนที่นั่งริมทะเลได้รับความเสียหายอย่างหนัก เช่นที่ครัวชมเล ได้รับความเสียหายไปกว่าร้อยละ 80 ต้องใช้ระยะเวลาในการปรับปรุงหลายวัน ทำให้เสียโอกาสทางการค้า โดยในส่วนของร้านอาหาร มีอย่างน้อย 3 แห่งที่ได้รับผลกระทบจนตัวร้านเสียหายตั้งแต่ร้อยละ 30 – 80
โดยชาวบ้านในพื้นที่ที่มีกว่า 120 ครัวเรือนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าหนักสุดในรอบกว่า 10 ปี บ้านเรือนเสียหายอย่างน้อย 4 หลัง และได้ผลกระทบจากการสัญจรเพราะคลื่นเอาทรายและเศษไม้ขึ้นมาทับถนน เจ้าหน้าที่ อบต.ชลคราม ต้องใช้รถไถ่เล็กเข้ามาช่วยเคลียร์เส้นทางให้ชาวบ้านสามารถสัญจร
นายพิศาล พร้อมสุวรรณ นายก อบต.ชลคราม บอกว่า รอบนี้คลื่นหนักกว่าปี 54 ซึ่งใช้โมเดลในตอนนั้น ทำเขื่อนหินทิ้งระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร จากทั้งหมดประมาณ 14 กิโลเมตร เพื่อป้องกันพื้นที่ชุมชน ซึ่งก็สามารถป้องกันชุมชนได้มานานตั้งแต่ปี 2557 แต่ปีนี้ถือว่าน้ำและลมแรงกว่าปกติ ประกอบกับเขื่อนที่ทำเริ่มชำรุด จนน้ำทะเลทะลักเข้าพื้นที่ ซึ่งเป็นจุดเปราะบาง มีการกัดเซาะรุนแรงที่สุดในไทย ในวันนี้จะทำกระสอบทรายกันคลื่นชั่วคราวก่อน แต่ระยะได้ประสานหน่วยงานภายนอกเข้าช่วยเหลือซ่อมแซมเขื่อน เพราะถ้าไม่ทำหมู่บ้านพอดต้องหายแน่
นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้กำชับทุกหน่วยงานได้เข้าพื้นที่ให้การช่วยเหลือประชาชน พร้อมเตือนเด็ดขาด ห้ามเรือเล็กออกจากฝั่ง ฝ่าฝืนดำเนินกาารเด็ดขาด ส่วนเรือโดยสารขนาดใหญ่ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และให้เจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์คลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิดต่อไปอีก 2-3 วันจนกว่าจะคลี่คลาย
โดยนอกจากพื้นที่บ้านพอดแล้ว ยังมีหมู่บ้านชาวประมงบางจุด ในพื้นที่อ.กาญจนดิษฐ์ อ.ท่าชนะ และ อ.เมือง ที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นลมแรง เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือทุกจุด ขณะที่ผู้ประกอบการเรือเฟอร์รี่ และเรือเร็ว ได้ประกาศงดการเดินเรือบางเที่ยวตามสภาพอากาศที่รุนแรงในช่วงเที่ยงและเย็น