เปิดภาพสยอง BHQ “4 กองร้อยของเขมร” รุกรานไทยจนโดน F-16 ไทยปูพรมถล่ม บางรายไม่มีร่างให้เก็บ

ปิดฉาก BHQ ไปแล้วจริงไหม หลังปฏิบัติบุกปราสาทตาควาย เหลวไม่เป็นท่า ไทยส่ง F-16 ปูพรมถล่มโต้กลับเต็มกำลังจนต้องล่าถอย นักรบลายพรางไทยยันชัดเจน อธิปไตยของชาติจะถูกปกป้องทุกวิถีทางที่จำเป็น ตั้งแต่กระสุนปืนของทหารราบไปจนระเบิดจากเครื่องบินขับไล่

จากกรณี เมื่อเวลา 22.00 น. ของวานนี้ (28 ก.ค.) มีรายงานจากฝั่งไทยระบุถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงปะทะกันหนักหน่วงและต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ 2 ปราสาทคือ ปราสาทตาเมือนธม – ปราสาทตาควาย แม้ก่อนหน้านี้จะมีประกาศยืนยันจากรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายที่บรรลุข้อตกลงเจรจาหยุดยิงกันโดยไม่มีเงื่อนไขแล้วก็ตามที่มาเลเซียประเทศตัวกลางตั้งโต๊ะพูดคุย

ต่อมารายงานยืนยันช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนตรง 00.00 น. ที่ผ่านมา ปรากฏ กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงยืนยันจากแถลงการณ์ของกองทัพภาคที่ 2

สำหรับบริเวณซึ่งเปิดฉากยิงเข้าใส่กันสนั่นนั้น มี 2 จุด คือที่ปราสาทตาเมือนธมกับ “ปราสาทตาควาย” โดยที่สถานที่หลังมีรายงานการเสริมกำลังจากกองบัญชาการองครักษ์ (Bodyguard Headquarters) หรือ BHQ ของสมเด็จ ฮุน เซน ที่เข้าพื้นที่มาตั้งแต่เมื่อตอนกลางวันก่อนคืนหยุดยิงและเป้าหมาย คือ ต้องการจะยึดตลอดจนควบคุมพื้นที่ให้ได้ก่อนเที่ยงคืนที่ผ่านมานั่นเอง

อย่างไรก็ดีภารกิจของกองกำลัง BHQ หน่วยองครักษ์ภายใต้การควบคุมของฮุนเซน เพื่อบุกยึดพื้นที่ยุทธศาสตร์บริเวณ “ปราสาทตาควาย–เมือนธม” ต้องยุติลงอย่างสิ้นเชิง หลังถูกตอบโต้จากหน่วยรบพิเศษไทยทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศอย่างหนักหน่วงจนต้องล่าถอยกลับไป

ฝั่งไทยยืนยัน หน่วยรบพิเศษไทยสามารถควบคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ฝั่งตาควาย–ภูมะเขือได้อย่างมั่นคง สามารถผลักดันกองกำลัง BHQ ให้ถอนกำลังออกจากแนวรบภายในก่อนเวลา 00.00 น. ซึ่งเป็นเส้นตายตามกรอบเจรจาหยุดยิง

ข้อมูลจาก Defencesecurityasia ระบุ ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่เสียงปืนจะต้องเงียบลง กองทัพอากาศไทยได้ส่งฝูงบินขับไล่ F-16 เข้าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาบริเวณปราสาทตาควายและตาเหมือนธมอย่างหนักหน่วง เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนเส้นตายของการหยุดยิงจะมีผลบังคับใช้

ขณะที่โลกออนไลน์ในไทยพากันเปรียบเปรย “BHQ” กลายเป็น “BBQ” ต้องปักหลักอยู่ในป่า พร้อมไข่เบอร์ 0 กล่องใหญ่ ต้มกินกันไปยาว ๆ ขณะรอคำสั่งใหม่

ต่อมาเพจ ”Army Military Force – สำรอง“ ลงภาพเครื่องบินขับไล่ F-16 ของไทยติดตั้งไข่เบอร์ 3 แบบ Mark 82 ขนาดฟองละ 500 ปอน์ด ข้างละ 3 ฟองรวม 6 ฟอง นํ้าหนักรวม 3,000 ปอนด์ ก่อนนำไปส่งให้หน่วยกองกำลังพิทักษ์ฮุนเซน (BHQ) ที่ปราสาทตาควายเมื่อคํ่าคืนวาน (28 กค)

ด้านเฟซบุ๊กแฟนเพจ Drama-Addict ออกมาวิเคราะห์ว่าปฏิบัติการนี้ น่าจะเป็นความเสียหายที่เยอะที่สุด ! นับตั้งแต่เกิดการปะทะของไทยกับเขมรเป็นต้นมา “ส่งมาสี่กองร้อยเหลือกลับไปกี่คน”

สำหรับ BHQ มีจุดเริ่มต้นมาจาก “กองพลน้อยที่ 70” ซึ่งสมเด็จฯ ฮุน เซน ก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2532–2533 เพื่อป้องกันการรัฐประหารในช่วงที่การเมืองภายในยังไม่มั่นคง โดยในช่วงแรก กำลังพลบางส่วนเคยถูกส่งมาฝึกกับศูนย์รักษาความปลอดภัยของกองบัญชาการทหารสูงสุดของไทยด้วย กองพลน้อยที่ 70 ได้แสดงแสนยานุภาพครั้งสำคัญในการเป็นกำลังหลักก่อ รัฐประหารในปี พ.ศ. 2540 เพื่อยึดอำนาจจากสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ และทำให้สมเด็จฯ ฮุน เซน ก้าวขึ้นสู่อำนาจอย่างสมบูรณ์

อย่างไรก็ดี เพจ CSI LA ให้ข้อมูลอีกด้านว่า “BHQ” คือหน่วยปราบปรามประชาชนของ “ฮุนเซน” ไม่ใช่หน่วยรบชายแดน ผู้นำหน่วยคือ พล.อ.ฮิง บุนเฮียง คนสนิทระดับสูงของฮุนเซน เคยถูกสหรัฐประณามเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน

หน่วยนี้ไม่ได้ฝึกมาเพื่อลุยแนวป่า แต่ถูกฝึกมาเพื่อล้อม ปราบ กระทืบม็อบมือเปล่าในกรุงพนมเปญและที่เจ็บปวดกว่านั้นคือ ครูฝึกของ BHQ หลายคนก็คือ “ทหารไทย” ที่ถูกส่งไปฝึกให้ตาม MOU ไทย–กัมพูชา

พอสมเด็จ ฮุนเซนบงการให้เอาหน่วยนี้เข้าป่ารบจริงกับทหารไทยทุกอย่างจึงพัง เพราะทหาร BHQ ไม่ชินกับสภาพป่า ไม่มีประสบการณ์สนาม เจอ F-16 ไทยทิ้งไข่ใส่ทีเดียวละลายทั้งกองร้อย บางรายไม่มีร่างให้เก็บ

“นี่แหละผลลัพธ์ของการเอาหน่วย “ปราบม็อบ” มาทำสงครามแนวชายแดนและที่แสบคือ หน่วยนี้เคยถูกฝึกโดยครูทหารไทยเองด้วยซ้ำ สงสารแต่ทหารที่ไม่รู้เรื่องการเมืองพวกที่ควรไปรบแนวหน้า คือพวกที่นั่งอยู่ในคอนโดหรูที่พนมเปญไม่ใช่พวกเด็กฝึกหัดที่โดนส่งมาตายแทน” แอดมินของเพจระบุ

เรื่องของฐานที่ตั้งและกำลังพลนั้น Nation STORY ให้ข้อมูลไว้ว่า BHQ ตั้งฐานบัญชาการในเทศบาลตาเขมา จ.กันดาล ใกล้กรุงพนมเปญ ซึ่งเป็นศูนย์รวมการฝึกและอาวุธขั้นสูง แม้จำนวนบุคลากรจริงจะไม่เปิดเผย แต่แหล่งข่าวประเมินว่าอาจมีหลายพันนาย โดยมีการประมาณการว่ามีกำลังพลถึง 5,000 นาย ทำให้ถือเป็นหน่วยกองพลหรือมีสถานะกองพลน้อย (Brigade) อย่างเต็มตัว

อัปเดตถึงตอนนี้ยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากฝั่งรัฐบาลของกัมพูชา หรือสื่อใด ๆ ของเขมรที่กล่าวถึงภารกิจนี้โดยตรง

ขณะที่กองทัพไทยนั้นชัดเจนอย่างยิ่งว่า “อธิปไตยของชาติจะถูกปกป้องด้วยทุกวิถีทางที่จำเป็น ตั้งแต่กระสุนปืนของทหารราบ ไปจนถึงระเบิดจากเครื่องบินขับไล่”.