ผู้เชี่ยวชาญชี้ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโรค Covid-19 อาจแพร่ระบาดไปถึง 2 ใน 3 ของประชากรทั้งโลก หากไม่สามารถควบคุมได้ คาดยอดผู้เสียชีวิตจะพุ่งสูงกว่านี้

ภาพจาก STR / AFP
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 เว็บไซต์เดอะการ์เดี้ยน รายงานว่า ศาสตราจารย์กาเบรียล เหลียง หัวหน้าภาควิชาการแพทย์และสาธารณสุข ประจำมหาวิทยาลัยฮ่องกง ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาด และหนึ่งในทีมผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสโคโรนาระดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งมีส่วนสำคัญในการต่อกรกับโรคซาร์ส ได้ออกมาแสดงความกังวลถึงสถานการณ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ Covid-19
ศาสตราจารย์เหลียง เปิดเผยว่า Covid-19 สามารถแพร่ระบาดลุกลามบานปลายจนมีผู้ติดเชื้อได้มากถึง 2 ใน 3 ของประชากรโลก ถ้าหากไม่ได้ถูกควบคุมและจัดการอย่างทันท่วงที ซึ่งนับว่าเป็นวิกฤตที่รุนแรงมาก
ก่อนหน้านี้ นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ออกมาเปิดเผยว่า สถานการณ์ตอนนี้ที่พบผู้ติดไวรัสซึ่งไม่เคยเดินทางไปเยือนอู่ฮั่น หรือประเทศจีนมาก่อน นับเป็นส่วนปลายของภูเขาน้ำแข็ง หรือเป็นเพียงปัญหาส่วนเล็กที่มองเห็นได้เท่านั้น เพราะมันมีปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นมาก เนื่องจากเชื้อสามารถแพร่ระบาดจากคนสู่คนได้แล้ว

ภาพจาก STR / AFP
ศาสตราจารย์เหลียง เปิดเผยว่า สิ่งที่ต้องรู้ให้ได้คือขนาดและรูปร่างของภูเขาน้ำแข็งดังกล่าว นั่นก็คือสัดส่วนและความเป็นไปได้ของการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนา โดยผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ได้วิเคราะห์ว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 1 คน สามารถส่งต่อเชื้อไปให้คนอื่นได้ 2.5 คน
ดังนั้นหมายความว่าการติดเชื้อสามารถแพร่กระจายได้สูงถึง 60-80 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าหวาดหวั่นพรั่งพรึงเป็นอย่างยิ่ง โดยผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาด กล่าวอีกว่า แม้ว่าตอนนี้ อัตราการเสียชีวิตจะอยู่ที่ 1 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าหากมีผู้ป่วยเคสรุนแรงเพิ่มเข้ามาเรื่อย ๆ ยอดผู้เสียชีวิตอาจพุ่งสูงได้เป็นประวัติการณ์
องค์การอนามัยโลกจะมีการจัดประชุมที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ซึ่งจะมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์กว่า 400 คน จากทั่วโลกมาร่วมหารือถึงมาตรการรับมือกับเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งศาสตราจารย์เหลียงก็จะไปร่วมประชุมเช่นกัน
ประเด็นหลักที่ศาสตราจาร์เหลียงจะนำมาถกคือ อัตราการเติบโตของการแพร่ระบาดของเชื้อ และประเด็นที่สอง คือ มาตรการควบคุมโรคของประเทศจีนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลหรือไม่ เพราะถ้าหากประสบความสำเร็จ ประเทศอื่น ๆ จะได้นำมาตรการนี้ไปปรับใช้ต่อไป


