สาวเล่าชีวิต ถูกแฟนทำร้าย 5 ปี จนสมองเคลื่อน-ซึมเศร้า ยอมทนเพราะรัก จนถึงจุดที่เกินรับ

สาวสุดหลอน ทนถูกแฟนทำร้ายมา 5 ปี จากที่ยอมทนเพราะรัก จนเลยจุดที่ทนไหว ถูกต่อยท้อง-เอาโรลม้วนผมยัดปาก จับเหวี่ยงจนหัวฟาด รับถูกกระทำจนซึมเศร้า

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2563 อมรินทร์ ทีวี มีรายงานกรณีของหญิงรายหนึ่ง ที่ตกเป็นเหยื่อถูกแฟนหนุ่มใช้กำลังทำร้ายร่างกาย จนมีแผลทั่วตัว รอบตามีรอยเขียวช้ำ ซึ่งเธอได้โพสต์ภาพบาดแผลที่ได้รับลงบนเฟซบุ๊กเพื่อเปิดเผยถึงชะตากรรมเลวร้ายที่ต้องทนรับ

โดยทีมข่าวได้สอบถามไปยัง น.ส.พิมพ์ (นามสมมติ) อายุ 23 ปี ผู้เสียหายรายดังกล่าว เจ้าตัวยอมรับว่า คบหากับแฟนหนุ่มมานานกว่า 5 ปีแล้ว โดยช่วง 2 ปีแรกฝ่ายชายเป็นคนเจ้าชู้ เคยนอกใจตนหลายครั้ง และชอบทำร้ายจิตใจ แต่ตนก็พยายามอดทนมาตลอดเพราะรักเขามาก จนเมื่อถึงจุดที่ทนไม่ไหว ตนก็ขอเลิก แต่เขาก็ยังพยายามตามง้อตลอดจนตนใจอ่อน ยอมกลับไปคบด้วย แต่ก็ถูกทำร้ายร่างกายเหมือนเดิม

ต่อมาแม่ของ น.ส.พิมพ์ สังเกตเห็นว่าลูกสาวมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป จากคนเงียบ ๆ กลายเป็นคนขี้โมโห จึงแนะนำให้ไปพบแพทย์ น.ส.พิมพ์ จึงได้ทราบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคไบโพลาร์และโรคซึมเศร้า อันเป็นผลจากการถูกทำร้ายจิตใจบ่อยครั้ง

น.ส.พิมพ์ ยอมรับว่าระยะหลัง ๆ ตนเป็นฝ่ายทำร้ายร่างกายแฟนหนุ่มก่อน แต่ก็ถูกเขาทำร้ายกลับอย่างรุนแรง ครั้งหนึ่งถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะถูกทำร้ายจนสมองเคลื่อน

จนกระทั่งเหตุการณ์ล่าสุดที่ทำให้ตนตันสินใจเข้าแจ้งความ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2562 โดยตอนนั้นตนกำลังหงุดหงิดเพราะปวดท้องประจำเดือน จึงได้บ่นแฟนในลิฟต์เรื่องที่ไม่ยอมบอกว่าช่างล้างแอร์เสร็จแล้ว เพียงเท่านั้นแฟนก็โมโห ทำท่าจะเข้ามาต่อย และยังทะเลาะกันต่อในห้อง โดยตนเป็นฝ่ายตบเขาก่อน แต่จากนั้นเขาก็ต่อยที่ท้องตน 2 ครั้ง แถมยังจับตนล็อกคอจนอาเจียนแล้วเหวี่ยงจนตนหัวฟาดกับพื้น

แต่จากนั้นฝ่ายชายก็ยังไม่หยุดทำร้าย ถูกเขาจับลาขึ้นไปบนเตียง ล็อกแขนและใช้เข่ายันอกไว้ จากนั้นเขายังถุยน้ำลายใส่หน้า แล้วก็เอาถุงพลาสติกมาอุดปาก แล้วใช้โรลม้วนผมมายัดปาก บางจุดถึงขั้นใช้หมอนอุดหน้าตนด้วย ซึ่งระหว่างถูกทำร้ายตนได้พยายามร้องขอความช่วยเหลือตลอด แต่กลับไม่มีใครช่วย เพราะพวกตนทะเลาะกันบ่อย คนอื่นอาจคิดว่าเป็นเรื่องปกติ

ทั้งนี้ หลังจบเรื่องฝ่ายชายยอมออกไปจากห้อง ตนจึงรีบโทร. หาแม่ แล้วเรียกเพื่อน 3 คนให้มาช่วยพาไปโรงพยาบาล ก่อนจะเข้าแจ้งความที่ สภ.โชคชัย ยอมรับว่าตอนนี้ไม่ต้องการเจอหน้าเขาอีกแล้ว แต่ก็ต้องการให้เขารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องค่ารักษาพยาบาลและหนี้สิน

อย่างไรก็ตาม ทางครอบครัวฝ่ายชายกลับอ้างว่าพวกเขาไม่มีส่วนรู้เห็นใด ๆ ด้วย ขอให้จัดการกันเอง แถมฝ่ายชายยังโทร. ตามมาขอร้องให้ตนยอมถอนฟ้อง จนในที่สุดตนก็ต้องยอมถอนแจ้งความ เพราะคิดว่าเรียกร้องอะไรไปก็คงจะไม่ได้

ที่มา https://hilight.kapook.com/view/200416