บรรดาแม่บ้านพ่อบ้านทั้งหลายคงเคย เมื่อได้ไปเดินตลาดหรือซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วได้เห็นผักผลไม้สดๆสีสันสวยงาม แล้วถ้ายิ่งถ้าราคาถูก หลายๆคนคงกว้านซื้อเป็นแน่ แต่เมื่อซื้อมาแล้วก็มักจะมีปัญหาเดิมๆที่ว่า ทำกินไม่ทันบ้าง บังเอิญไปธุระหลายวันบ้าง พอกลับมาของดีๆสดๆที่ซื้อไว้ต้องเหี่ยวหรือเน่า จำใจทิ้งด้วยความเสียดาย แล้วก็เป็นอย่างนี้ประจำจนบางทีคุณลูกๆก็บ่นว่าจะซื้ออะไรเยอะแยะ โถ่ๆๆ ไม่เข้าใจหัวอกคุณแม่บ้างเลยจริงมั๊ย คราวนี้แหละ!!เรามีวิธีการเก็บผักผลไม้ให้สดนานมาบอกกันค่ะ
1) มะเขือเทศ
มะเขือเทศสีแดงสีสันสดสวย แต่พอวางไปมาอ้าวขึ้นราเน่าซะงั้น จะหั่นส่วนที่ขึ้นราทิ้งก็กลัวเชื้อโรคกระจาย (อันนี้มีงานวิจัยจริงๆค่ะ ผลไม้ที่เริ่มเน่าแล้ว อย่าเสียดายโดยตัดส่วนที่เน่าทิ้งแล้วนำมารับประทานส่วนที่เหลือ เพราะเชื้อโรคมันได้ฟักตัวมานานแล้ว มันกระจายไปทั้งผลแล้ว แต่แค่เรามองเห็นบางส่วนเท่านั้น) ดังนั้นวิธีเด็ดๆที่จะทำให้รักษามะเขือเทศได้นานๆคือ การที่เราดึงส่วนก้านใบเขียวตรงส่วนหัวของมะเขือเทศทิ้งไป เพียงแค่นี้คุณก็สามารถเก็บได้นานขึ้น เพราะส่วนก้านนั้นมันดูดความชื้นยิ่งถ้าเก็บไว้ในตู้เย็น เพราะฉะนั้นส่วนก้านจะเป็นส่วนที่ขึ้นราง่ายที่สุดค่ะ
2) ผักผลไม้ควรเก็บในที่แห้ง
ผักและผลไม้ถ้าโดนความชื้น มักเป็นที่เจริญเติบโตได้ดีของเชื้อราต่างๆ ที่ร้อนอบๆก็เช่นกัน เพราะตัวของผักและผลไม่นั้นจะคายความร้อนออกมา(เหมือนกับคนที่ร้อนแล้วเหงื่อออก) สิ่งนี้ก็จะทำให้ผลไม้สุกเร็วขึ้นและเน่าเร็วขึ้นด้วย ดังนั้นควรหากระดาษหรือกระดาษทิชชูแผ่นหนาห่อไว้เพื่อดูดความชื้น และไม่ควรวางผักผลไม้ไว้ในที่มีแสงแดดหรือในที่ที่มีอ่างน้ำหรือความชื้นสูง ควรวางในที่ร่มและมีลมพัดผ่าน
3) ไม่ใช่ว่าผักผลไม้ทุกชนิดจะเหมาะกับตู้เย็น
ฟังถูกแล้ว ไม่ใช่ซื้ออะไรมาก็ยัดเข้าตู้เย็นหมด จริงๆแล้ว พริกหยวก แตงกวา มะเขือเทศ พวกนี้เหมาะกับอากาศอุณหภูมิห้องมากที่สุด และหากคุณนำมะเขือเทศและพริกหยวกเข้าตู้เย็น ความชื้นและเย็นจะทำให้พวกมันนิ่มและเหี่ยว ความสดจะหายไปทันที ผัดออกมาไม่หวานกรอบอร่อย สังเกตเวลาที่เรากินที่ร้านทำไมผัดออกมาพริกหยวกถึงกรอบ แต่พอผัดเองกลับนิ่มเหี่ยว อาจเป็นเพราะเราวางในตู้เย็นนานไปหรือเปล่า
4) กล้วยหอม
กล้วยหอมนั้นเมื่อเจออากาศร้อนชื้นจะทำให้สุกไวมาก และเกิดจุดดำๆจนเต็มไปหมดนิ่มเละไม่น่าทาน ลองใช้wrap พลาสติกห่ออาหารหุ้มตรงแกนหัวของกล้วย แค่นี้ก็สามารถยืดอายุได้
5) อย่าวางผลไม้พวกนี้ไว้ด้วยกัน
บางคนถึงกับงงว่ามีอย่างนี้ด้วย มีจริงๆค่ะ เพราะผลไม้บางชนิดจะปล่อยสาร(ethylene) แปลภาษาชาวบ้านง่ายๆคือ กลิ่นหรือสารที่เจ้าผลไม้เหล่านี้ปล่อยออกมามันจะทำให้ผลไม้ชนิดอื่นที่อยู่ใกล้เหล่านั้นสุกเร็วตาม คือสารเร่งความสุกงอมนั่นเอง เพราะฉะนั้นหากคุณมีผลไม้ที่สุกงอมอยู่แล้ว ห้ามวางผลไม้เหล่านี้ไว้ใกล้ๆ เช่น แอปริคอท, แอปเปิ้ล, มะม่วง ส่วนผัก เช่น มะเขือยาว, แครอท และ ดอกกะหล่ำ ผักผลไม้เหล่านี้ไวต่อสารเร่งความสุก เพราะฉะนั้นควรแยกวางห่างๆค่ะ
6) อะโวคาโด
เมื่อซื้ออะโวคาโดที่ยังไม่สุกเต็มที่มา หากคุณไม่ต้องการรับประทานเลย วิธีการยืดอายุคือให้เก็บอะโวคาโดไว้ในถุงกระดาษ ในอุณหภูมิห้อง เมื่อเริ่งสุกแล้วในย้ายไปเก็บในถุงพลาสติกแล้วนำเข้าตู้เย็น
7) กระเทียมและหัวหอม
ตายแล้วก็มันถูกเลยซื้อมาซะเยอะทำไม่ทัน วางไว้ดันงอกต้นงอกรากซะงั้น เรามีความลับมาบอกกัน ทั้งกระเทียมและหัวหอมนั้นหากคุณวางพวกมันไว้ในที่ที่มีแสงแดดส่องถึง พวกมันจะงอกต้นออกมาเร็วมาก เพราะฉะนั้นควรวางไว้ในที่มืดเช่นตู้กับข้าวเป็นต้น
8) แอปเปิ้ลและมันฝรั่ง
ทั้งสองอย่างนี้เป็นของดีที่นำมาใช้ทำอาหารได้ทั้งคาวและหวาน คุณรู้หรือไม่ หากนำแอปเปิ้ลไว้กับมันฝรั่งจะทำให้พวกมันงอกรากช้า และเก็บได้นานขึ้น
9) มันฝรั่งกลัวแดด
รู้หรือไม่ว่ามันฝรั่งนั้นถึงแม้ต่อให้ดูแล้วมันไม่เน่า แต่ถ้าหากทิ้งไว้จนขนและรากงอกออกมาตามผลนั้น มันหมายถึงภายในมีการเปลี่ยนแปลงและมีสารเป็นพิษ เพราะฉะนั้นไม่ควรวางมันฝรั่งไว้ในที่มีแสงแดดส่องถึง เพราะแสงแดดจะทำให้มันฝรั่งรากงอกเร็วขึ้นและแปรสภาพเป็นพิษ
10) ดอกกะหล่ำและบรอกโคลี
ผักทั้งสองชนิดนี้ชอบความชื้น วิธีเก็บสามารถนำทิชชูชุบน้ำหมาดๆคลุมที่บริเวณดอกให้ทั่ว และวางใส่ถุงพลาสติก หากมัดให้เจาะรูเพื่ออากาศไหลผ่าน และคอยเปลี่ยนทิชชู เพียงแค่นี้คุณจะได้ผักทั้งสองนี้สดอยู่นาน
11) หัวหอมกับมันฝรั่งต้องแยกกัน
ทั้งหัวหอมและมันฝรั่งต่างกระตุ้นซึ่งกันและกันให้รากงอกเร็ว ดังนั้นควรเก็บรักษาแยกกันค่ะ
12) ผักและผลไม้ที่ล้างแล้วไม่ควรเก็บไว้
อันนี้หลายคนคงรู้อยู่แล้ว แต่เคยรู้มั๊ยว่าเพราะอะไร เพราะว่าผักและผลไม้นั้นมีสารตามธรรมชาติที่ป้องกันผิวตัวเอง เมื่อเรานำผักผลไม้ล้างทำความสะอาดแล้ว สารเหล่านั้นได้หลุดทิ้งไป ทำให้ไม่เหมาะกับการรักษาเวลานาน จึงควรนำมาปรุงหรือรับประทานทันที (อารมณ์คงเหมือนอาบน้ำแล้วไม่มีครีมกันแดด55)
13) องุ่นกับถุงพลาสติก
วิธีการเก็บองุ่นที่ดีที่สุดคือการนำองุ่นวางนอนใส่ไว้ในถุงพลาสติกโดยมีรูระบายให้อากาศผ่าน ไม่ควรยัดจนแน่นหรือวางทับกัน และไม่ควรวางแนวตั้งเพราะจะทำให้ส่วนที่อยู่ด้านล่างขององุ่นช้ำและเน่าได้ง่าย
14) คึ่นช่าย