บอกหมดไม่หวง การทำข้าวเหนียวมูน ให้เม็ดใสสวย อร่อยน่าทาน เมื่อถึงหน้าร้อนทีไร ก็มีผลไม้หอมหวานมาให้เราได้รับประทานกันอยู่ไม่ขาดสาย ไหนจะมะม่วงเอย ขนุนเอย หรือจะเป็น ทุเรียนเอย ได้ข้าวเหนียวมูนมาทานคู่กันซักหน่อย คงจะดีไม่น้อย การจะทำข้าวเหนียวมูนที่ก็ยุ่งยากกันอยู่ไม่ใช่น้อย ไหนจะต้องเตรียมเตา เตรียมหม้อ บางคนที่อยู่หอพักหรืออยู่คอนโดอาจจะต้องหนักใจกันอยู่บ้าง วันนี้เราจึงได้นำสูตรข้าวเหนียวมูนฉบับง่ายๆมาฝากกัน ของหวาประเภทข้าวเหนียวมูนคนไทยนิยมกันมาก เพราะเอามาทำเป็นข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวทุเรียนยิ่งอร่อยถูกปากกันเลย แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนไม่ใช่ทุกร้านที่จะทำออกมาแล้วอร่อยและขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลย วันนี้เราเลยได้นำ สูตรการทำข้าวเหนียวมูน มาฝากสำหรับใครที่อยากจะทำทานเอง ทำง่าย แถมอร่อยอีกด้วย เตรียมส่วนผสมในการทำข้าวเหนียวมูน 1. ข้าวเหนียวนึ่งสุกแล้ว 1 กิโลกรัม 2. หัวกะทิ 800 กรัม 3. น้ำตาลทราย 300 กรัม 4. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ 5. ใบเตย 1 มัด ( 5 – 6 ใบ ) 6. สารส้ม 1 ก้อน วิธีทำข้าวเหนียวมูน ใช้สารส้มมาขัดข้าวเหนียวแห้งก่อนจะนึ่ง ซึ่งการทำแบบนี้ข้าวเหนียวจะมีการเปลี่ยนสีเวลานึ่งสุกแล้ว จากนั้นก็เอาน้ำใส่เข้าไป อย่าเพิ่งนึ่งนะใส่ตอนเป็นเม็ดปกตินี่แหละ โดยให้สูงกว่าข้าวเหนียวสัก 1.5 นิ้ว แล้วค่อยใช้สารส้มขัดอีกครั้ง ก็ขัดไปจนกว่าน้ำที่เทนั้นเป็นสีขาวขุ่นก็เททิ้งเลย ต่อไปก็ซาวข้าวสัก 4 รอบ ก็เอาน้ำใส่ลงไปในข้าวอีกสูงกว่าข้าวสัก 3 นิ้ว แช่ข้าวทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง พอแช่ครบ 3 ชั่วโมงแล้วก็เอาข้าวขึ้นจากน้ำให้สะเด็ดแล้วนึ่งปกติ 20 นาที พร้อมกันนั้นมาเตรียมน้ำกะทิกันโดยจะใช้เป็นหัว กะทิเทลงไปในชมผสมใบใหญ่ ๆ หน่อย แล้วใส่เกลือลงไปพร้อมกับน้ำตาลทราย คนส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วก็เอาใบเตยใส่ลงไปด้วยขยำ ๆ ให้มีกลิ่นใบเตยออกมา แล้วก็ปล่อยให้น้ำตาลกับเกลือละลาย แล้วค่อยหาผ้าขาวบางมากรอง ขั้นตอนต่อไปเมื่อนึ่งข้าวเหนียวสุกแล้วก็เอามาใส่ลงในน้ำกะทิที่กรองแล้ว เอามาใส่ตอนยังร้อน ๆ อยู่นั้นเลย แล้วหาไม้พายมาคั้นให้น้ำกะทิเข้าไปในข้าวเหนียว คน ๆ ให้เข้ากันแล้วปิดฝากทิ้งไว้ 10 นาที แล้วค่อยเปิดมาคนต่ออีกรอบ คราวนี้ค่อยปิดฝากปล่อยทิ้งไว้อีก 20 นาที แล้วก็เปิดฝาใหม่ ทำแบบนี้อีกครั้งไปจนกะทิเข้าไปในข้าวได้ดี ซึ่งทำอีกแค่ 1 รอบก็น่าจะเข้ากันดีแล้ว ต่อไปก็หามะม่วงสุก หรือทุเรียนมาปอกเตรียมได้เลย จัดวางใส่จานให้เรียบร้อย ตักข้าวเหนียวมูลมาวางด้านข้างจากนั้นนำน้ำกะทิมาราดอีกครั้งเท่านี้ก็เป็นอันจบขั้นตอนความอร่อยพร้อมเสริฟแล้ว ที่มา https://www.kubkhao.com/2020/02/blog-post_46.html Post Views: 46