รวมความจริงของชีวิต ที่กว่าคนส่วนใหญ่จะรู้ก็อายุมากเกิน 30 ปีแล้ว

เมื่อครั้งยังเด็กเราทุกคนถูกสอนว่าถ้าเราขยันหมั่นเพียร ตั้งใจเรียน และเป็นคนดี ก็จะได้พบเจอกับสิ่งดีๆ ในชีวิตเสมอ แต่เมื่อคนเราเติบโตขึ้นและได้สัมผัสประสบการณ์หลายอย่าง ก็ได้รู้ว่าสิ่งที่เราเรียนรู้มานั้นไม่เป็นความจริงเสมอไป

9 ความจริงอันโหดร้ายของชีวิต ที่แตกต่างจากสิ่งที่เราได้ยินได้ฟังมาเมื่อครั้งยังเป็นเด็กใสซื่อไร้เดียงสา เพราะชีวิตจริงไม่ได้สวยงามโรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป คนทำดีก็อาจจะไม่ได้ดี และคนที่มีเงินคือคนที่มีอำนาจมากที่สุด

อำนาจและความร่ำรวยเป็นสิ่งที่สืบทอดต่อกันมา มีคนจำนวนน้อยมากที่ประสบความสำเร็จโดยเริ่มต้นจากศูนย์ มหาเศรษฐีส่วนใหญ่มาจากตระกูลที่ร่ำรวยอยู่แล้ว และพวกเขาก็ได้รับเงินหรือคอนเนคชั่นต่างๆ มาจากครอบครัวนั่นเอง

ผู้ชายและผู้หญิงเข้าใจคำว่าเพื่อนแตกต่างกัน ถึงแม้ว่าจะมีหญิงชายจำนวนมากที่เป็น “แค่เพื่อน” แต่ผู้ชายมองว่าผู้หญิงทุกคนสามารถพัฒนาไปเป็นคนรักได้ และสิ่งที่พวกเขาทำลงไปอย่างเช่นการช่วยเหลือเพื่อนผู้หญิงในยามลำบากก็เพื่อเพิ่มโอกาสในการพัฒนาความสัมพันธ์ ขณะที่ผู้หญิงมองผู้ชายส่วนใหญ่เป็นแค่เพื่อนจริงๆ เท่านั้น


การมองโลกในแง่ร้ายมีประโยชน์มากกว่าการมองโลกในแง่ดี เพราะเมื่อคนเรามองโลกในแง่ดี เราก็จะปล่อยวางและรอคอยให้โอกาสดีๆ เกิดขึ้นเอง แต่ถ้าเรามองโลกในแง่ร้ายตลอดเวลา เราก็จะมีความพยายามมากขึ้น รอบคอบและระมัดระวังมากขึ้น เพราะกลัวว่าเรื่องทั้งหมดจะแย่ลงไปกว่าเดิม จนทำให้มีโอกาสในการประสบความสำเร็จมากกว่า


การมีลูกตั้งแต่อายุยังน้อยทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์มากขึ้น แม้ว่าจะอยู่ในวัยที่รับผิดชอบตนเองและครอบครัวได้แล้วก็ตาม โดยเฉพาะถ้าหากว่าไม่ได้มีการวางแผนมาก่อน แต่ในทางกลับกันการมีลูกก็ทำให้มีโอกาสในการหย่าร้างน้อยลง เพราะถึงแม้ว่าจะทุกข์ แต่ก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน และการมีลูกก็ถือเป็นของขวัญล้ำค่าสำหรับพ่อแม่ด้วย


คนเราต้องเห็นแก่ตัวบ้างในเรื่องของความสัมพันธ์ ไม่อย่างนั้นจะทำให้เราขาดความมั่นใจในตนเองได้ นักจิตวิทยาไม่แนะนำให้เราใช้ชีวิตตามความต้องการของคนอื่น แม้แต่คนรักของเราเอง และควรหันมารักตัวเองให้มากขึ้น


คนส่วนมากไม่เห็นอกเห็นใจเหยื่อแต่กลับกล่าวโทษพวกเขา หรือที่เรียกว่า “victim blaming” ทุกคนถูกสอนว่าคนชั่วจะต้องถูกลงโทษ และคนดีเป็นผู้ชนะ เราจึงมักหาเหตุผลให้กับการกระทำที่โหดร้าย อย่างเช่นคนที่ตกเป็นเหยื่อเพราะแต่งตัวโป๊เอง เดินในที่มืดเอง หรือทำตัวไม่ดีเอง ทั้งที่คนผิดคือฝ่ายผู้กระทำ แต่หลายคนกลับไม่คิดเช่นนั้น

การรับประทานมังสวิรัติ ใช้รถไฟฟ้า หรือเลิกใช้พลาสติก ไม่ได้ช่วยให้โลกของเราดีขึ้น โลกของเรามีพลาสติกจำนวนมากมายมหาศาล แต่มีแค่ไม่กี่ส่วนเท่านั้นที่นำมารีไซเคิลได้ และแม้แต่ของที่รีไซเคิลมาแล้วก็ยังทำลายโลกได้เช่นกัน การกินมังสวิรัติก็ไม่ได้ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน แต่กลับเพิ่มการปล่อยคาร์บอนในขั้นตอนกระบวนการของการปลูกพืชผักผลไม้ รถพลังงานไฟฟ้าอาจไม่มีควัน แต่ก็ทำร้ายโลกในแง่มุมอื่น อย่างเช่นผลเสียของแบตเตอรี่ลิเทียม


ถึงแม้ว่าคนเราจะเรียนหนังสือหรือทำงานมากถึง 8 ชั่วโมงในแต่ละวัน แต่เราได้ทำสิ่งที่มีประโยชน์จริงๆ แค่เพียง 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น และใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดไปกับการเหม่อลอย รับประทานอาหาร พูดคุยกัน หรือทำสิ่งอื่นที่ไม่มีสาระอะไร เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์เผยว่าสมองของคนเราสามารถโฟกัสเรื่องต่างๆ ได้ในเวลาสั้นๆ เท่านั้นเอง

ที่มา https://www.kidjarak.com/ruthless-laws-life