“ตูบชอบดม” จนลูกค้าในร้านวิ่งหนี สัตวแพทย์เผยสาเหตุมาจากสภาพแวดล้อมที่อยู่

ร้านตัดผมแห่งหนึ่งในประเทศเกาหลีเลี้ยงสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์สีขาวไว้ตัวหนึ่ง ไม่รู้ว่ามันจำพฤติกรรมแบบนี้มาจากที่ไหน


เจ้าสุนัขตัวนี้มีพฤติกรรมแปลกๆ จนทำให้เจ้าของร้านตัดผมได้รับความยากลำบาก เพราะถึงแม้พนักงานในร้านจะชินกับพฤติกรรมของมัน แต่ลูกค้านั้นกลับต้องตกใจเมื่อเห็นพฤติกรรมของมันเช่นนี้


ถ้ามีลูกค้าเดินมาผ่านมัน เจ้าสุนัขตัวนี้ก็จะคอยตามติดเพื่อดมตูดของลูกค้าคนนั้น แม้ว่าพวกเขาจะพยายามเดินเลี่ยง แต่เจ้าตูบก็จะวิ่งตามไปดมทุกครั้ง


เจ้าของร้านไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไร


ไม่ว่าจะพูดสอนมันอย่างไร เจ้าสุนัขตัวนี้ก็ไม่หยุดพฤติกรรมนี้เสียที


ถ้าเป็นแบบนี่กิจการร้านตัดผมจะเป็นเช่นไรต่อไปนะ ลูกค้าวิ่งหนีตกใจกลัวมันหมดแล้ว


จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปจริงๆเหรอ?


เจ้าของร้านทำได้เพียงแค่ล่ามมันเอาไว้เพื่อไม่ให้มันวิ่งไปไหนซี้ซั้ว


เจ้าสุนัขสีหน้าเป็นทุกข์ขณะกำลังนั่งพิงกำแพง เพราะมันไม่รู้ว่ามันทำอะไรผิด


โถ น่าสงสารจริงๆ ลูกเอ๋ย


เมื่อเจ้าของมีเวลาว่างจึงได้พาเจ้าสุนัขตัวนี้ไปพบสัตวแพทย์ การวินิจฉัยทางสัตวแพทย์ทำให้เจ้าของของมันต้องประหลาดใจ ที่มันมีพฤติกรรมเช่นนี้เพราะว่ามันมีอาการท้องลม


ว่าอย่างไรนะ ท้องลม เหรอ? ใช่แล้วละ เพราะว่ามันอยู่ในร้านตัดผมแห่งนี้ตัวเดียวมานาน และได้ดมสารเคมีในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเส้นผมหลากหลายชนิด จึงทำให้ฮอร์โมนในตัวของมันเกิดการสับสน และเนื่องจากมันเป็นสุนัขเพศเมีย จึงทำให้มันแสดงอาการเหมือนว่ามันกำลังตั้งครรภ์อยู่ขึ้นมา ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ได้กำลังจะมีลูกจริงๆแต่อย่างใดเลย


สัตวแพทย์กล่าวว่ามันไม่ต้องกินยา แต่ต้องได้รับการรักษาในเรื่องความสามารถการดมกลิ่นของมัน หากทำได้ก็จะสามารถหยุดพฤติกรรมในปัจจุบันของมันลงได้ หลังจากนั้นสัตวแพทย์ก็ได้ให้มันดมกลิ่นหลากหลายชนิด และเลือกสเปรย์ air freshener มายี่ห้อหนึ่ง


โดยให้ลูกค้าฉีดสเปรย์ดังกล่าวหลังจากที่เข้ามาในร้าน เจ้าสุนัขก็จะไม่เดินตามลูกค้าเพื่อดมกลิ่นอีกต่อไปแล้ว


ลองดูผลลัพธ์ของวิธีนี้ดูสิ มันนอนนิ่งสงบอยู่บนพื้นไม่ลุกวิ่งไปไหนซี้ซั้วแล้ว


เมื่อลูกค้าเดินเข้ามาใกล้ๆ มันก็ไม่ได้แสดงพฤติกรรมแบบเดิมออกมาอีกแล้ว


ทำให้เจ้าของร้านตัดผมรู้สึกโล่งใจ ที่สามารถรักษากิจการร้านตัดผมและสุนัขของเขาได้ สุดท้ายนี้เรามาลองดูคลิปวิดีโอของเจ้าตัวที่ทำให้ลูกค้าต้องเขินอายกันเถอะ

ที่มา http://www.smilesmine.com/post07018261016550