เสรีพิศุทธ์ ลั่นอายุ 70 แล้ว ไม่กลัวโควิด จวก “บิ๊กตู่” บ่นเหนื่อยก็ควรลาออกไปซะ

เสรีพิศุทธ์ / เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 18 มี.ค. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมาธิการฯยังคงมีการประชุมตามปกติ เว้นแต่จะมีองค์ประชุมไม่ครบตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ โดยวันนี้จะมีการพิจารณาเรื่องการกักตุนหน้ากากอนามัยเร่งด่วน และจะรีบขอมติที่ประชุมว่าจะเชิญบุคคลใดมาชี้แจงบ้าง


“ท่านประธานสภาฯแถลงว่าเรื่องการประชุมคณะกรรมาธิการขอให้เป็นเรื่องของคณะกรรมมาธิการพิจารณากันเองว่าหยุดการประชุมหรือไม่ แต่ผมเรียนตามตรงว่าผมผ่านชีวิตมามากแล้ว อย่าว่าแต่โควิดเลย ดงกระสุน ดงระเบิดสมัยปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในเทือกเขาภูพาน ผมของจริง ผมฝ่ามาเยอะ ตายในสมัยนั้นเรายังไม่กลัว ตอนนั้น 20 กว่าๆ ยังไม่กลัวตาย แล้วตอนนี้ 70 แล้วใกล้จะตายแล้ว จะตายวันนี้พรุ่งนี้ก็ไม่รู้ จะมานั่งกลัวตายอะไรอีก” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวอีกว่า เมื่อชั่งน้ำหนักแล้วเราจะเห็นว่าเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องการพึ่งคณะกรรมาธิการฯมีมาก แล้วเราจะมาเกรงกลัวเรื่องเหล่านี้หรือ และทางสภาฯก็มีการป้องกัน คัดกรองบุคคลและมีการทำความสะอาด จึงขอร้องคณะกรรมาธิการฯอย่าไปกังวลเรื่องโควิดมาก

“คุณสิระ บอกไปตรวจโควิดมาแล้ว และมาขอนั่งใกล้ๆ ผม ผมยังไม่ใส่ใจอะไรเลย มานั่งมา ถ้าเรามีแต่ความกลัวอย่าเป็นเลยผู้แทนฯ เราต้องกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน”พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า มองถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลอย่างไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ควรเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี โดยประสานกับจังหวัดและพิจารณาข้อมูลแต่ละจังหวัดว่าจังหวัดควรปิดหรือไม่ปิด เพราะถ้าไปให้อำนาจจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งพิจารณากันไปแล้ว การคิดการตัดสินใจแต่ละจังหวัดจะอยู่บนพื้นฐานที่แตกต่างกันขาดมาตรฐาน

“ผู้ทรงอิทธิพลในจังหวัดมันมีอยู่ การไปปิดจังหวัดและทำอะไรก็ตาม บางอย่างก็ไม่แน่อาจจะอยู่ใต้อิทธิพลของผู้ทรงอิทธิพลภายในจังหวัดนั้น และจะทำให้ประชาชนที่อยู่ในจังหวัดเกิดความเดือดร้อน สมมติผู้ทรงอิทธิพลประกอบธุรกิจอะไร ก็จะอาศัยเวลานี้ตักตวงผลประโยชน์ของตน ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดห้ามโน่นห้ามนี่ แต่กิจการของตัวเองเจริญรุ่งเรืองได้ เหมือนกับการกักตุนหน้ากากอนามัยเพื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่ม อย่าคิดว่าทุกคนอยู่บนพื้นฐานความสุจริตอย่างเดียว มันไม่แน่ มันอาจมีอย่างอื่นเคลือบแฝง ปิดจังหวัดนี้คนมีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังผู้ว่าฯก็ได้ประโยชน์ แต่คนอื่นเสียประโยชน์ก็มี ผมถึงบอกว่าต้องคิดให้รอบคอบ” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว กล่าวต่อว่า นายกฯต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ถ้าบอกว่าตัวเองเหนื่อย ก็ขอให้ลาออกไป ตนติดตามอ่านข่าวก็พบว่าการทำงานของนายกฯล้มเหลว อย่างเมื่อไม่นานมานี้ที่ออกมาแถลงก็ไม่มีสาระอะไรเลย เพราะควรแถลงให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ในการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาโควิด-19 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า การประชุมวิสามัญต้องอาศัยเสียงของทั้งสองสภาจำนวน 1ใน3 ฝ่ายค้านขอเปิดฝ่ายเดียวไม่ได้เพราะเสียงไม่พอ จึงควรเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในฐานะฝ่ายคุมเสียงข้างมากในการยื่นญัตติเพื่อเปิดประชุมวิสามัญ

เมื่อถามว่า ควรเลื่อนการเปิดประชุมสมัยสามัญในเดือนพ.ค.ออกไปหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของสภาฯที่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย อย่ามากลัวอะไรเกินกว่าเหตุ ถ้าทุกคนกลัวเกินกว่าเหตุแล้วประเทศจะไม่เดินหน้า และถ้าตนเป็นประธานสภาฯ ตนก็เสนอเปิดประชุมสภาปกติตามรัฐธรรมนูญ ใครจะขาดประชุมและองค์ประชุมไม่ครบก็อีกเรื่องหนึ่ง

ที่มา https://www.khaosod.co.th/politics/news_3773962