เมื่อวันที่ 13 พ.ค. พ.ต.อ.สมชัย โสภณปัญญาภรณ์ ผู้กำกับการ สภ.ชำนิ นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนติดตามจับกุมตัวนายพงษ์เทพ ผู้ต้องหาด้วยตัวเอง หลังสืบทราบว่านายพงษ์เทพ หนีไปหลบทำงานกับอดีตนายจ้างที่ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ก่อนจะนำตัวกลับมาสอบสวนที่ สภ.ชำนิ
พ.ต.อ.สมชัย กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การว่าวันเกิดเหตุเข้าไปในบ้านของนางเหลือ ผู้เสียหายจริง โดยการงัดหน้าต่างปีนเข้าไป เนื่องจากมึนเมาแต่ปฏิเสธว่ายังไม่ได้ข่มขืน แค่ลวนลามด้วยการกอดจูบเท่านั้น
ทั้งบอกว่าหลบหนีด้วยการเดินเท้าจากบ้านที่ อ.ชำนิ ไปที่ อ.ครบุรี ไกลกว่า 100 กิโลเมตร โดยการเดินลัดเลาะตามทุ่งนาไปเรื่อย และนอนตามกระท่อม กินน้ำตามบ่อ และมาม่าที่ติดตัวไปด้วยกว่า 30 ซองประทังความหิว ก่อนจะไปขอทำงานกับอดีตนายจ้างได้เพียงวันเดียว กระทั่งตำรวจสืบทราบจึงได้ติดตามจับกุมตัว และมั่นใจว่าพยานหลักฐานจะเพียงพอเอาผิดกับผู้ต้องหาได้
ขณะที่นางเติม อายุ 60 ปี แม่นายพงษ์เทพ ผู้ต้องหา เล่าทั้งน้ำตาว่า หัวอกแม่ก็เสียใจและไม่มีใครอยากให้ลูกเป็นคนไม่ดี แต่ถ้าทำผิดจริงก็ให้ยอมรับและว่าไปตามกระบวนการกฎหมาย ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากการสอบถามลูกแล้ว ทราบว่าลูกไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป แล้วเดินทางไปไหนบ้าง ส่วนตัวก็เชื่อลูก เพราะที่ผ่านมาทุกวันโกนลูกชายจะมีอาการเหมือนผีเข้าหรือของขึ้นเป็นประจำ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ผีอาจสิงลูกชาย แล้วไปก่อเหตุโดยไม่รู้ตัว
เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา “บุกรุกเคหะสถานโดยใช้กำลังประทุษร้ายในเวลากลางคืน, ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, ออกนอกเคหะสถานระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. ทั้งนี้ ยังคัดค้านการประกันตัว ขณะที่ผู้ต้องหาใช้สิทธิ์ไม่ขอไปทำแผนชี้จุดเกิดเหตุ เนื่องจากกลัวจะถูกรุมประชาทัณฑ์ เบื้องต้นควบคุมตัวไว้สอบปากคำเพิ่มเติม และเตรียมส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดในวันพรุ่งนี้
ที่มา ข่าวสดออนไลน์