วันที่ 18 พ.ค. นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 และรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่ นายเจษฎา อรุณชัยภิรมย์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ได้รับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราบเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมานั้นเป็นคดีที่ น.ส.พนิดา สกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นผู้กล่าวหา
โดยมีผู้ต้องหามีทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วย พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ผู้ต้องหา, นายมานัส ทับทิม, นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์, นายชาติชาย เมณฑ์กูล, นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข, ดาบตำรวจธงชัย หรือ สจ. อ๊อด วจีสัจจะ และชายไทยไม่ทราบชื่อ เป็นผู้ต้องหาที่ 1-7 ในคดีที่ นายวีรชัย สกุนตะประเสริฐ พี่ชายของ น.ส.พนิดา ผู้พิพากษาดังกล่าวถูกอุ้มฆ่า โดยมูลเหตุสืบเนื่องจากการทำหน้าที่ผู้พิพากษาของน.ส.พนิดาซึ่งมีพ.ต.ท.บรรยิน เป็นจำเลยในคดีอาญาคดีหนึ่ง
ซึ่งเมื่ออัยการได้รับสำนวนแล้วนายเจษฎาได้มอบหมายให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 ซึ่งมี นายพรพิชัย ไชยมาตร อัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดี เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสำคัญซึ่งกลุ่มคนร้ายผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมอุกอาจประชาชนและสื่อมวลชนต่างให้ความสนใจติดตามความคืบหน้าคดีมาอย่างต่อเนื่อง
นายพรพิชัย จึงมีคำสั่งของสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 ที่5/2563 แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมกันพิจารณาคดีนี้ตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2547 ซึ่งคณะทำงานประกอบด้วย นายบุญยัง จุมพล อัยการผู้เชี่ยวชาญ, นายไพบูลย์ วนพงศ์ทิพากร อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นคณะทำงาน, พ.ต.อ.ธงชัย กีรติธรรมากร อัยการประจำกองเป็นคณะทำงานและเลขานุการ และ นายพรพิชัย ไชยมาตร อัยการพิเศษฝ่ายฯ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
ซึ่งคณะทำงานได้ร่วมกันพิจารณาสำนวนการสอบสวนโดยละเอียดรอบคอบแล้วได้เสนอความเห็นไปยัง นางสิริญาอินทามระ รองอธิบดีอัยการคดีปราบปรามการทุจริต และ นายเจษฎาซึ่งเห็นพ้องตามที่คณะทำงานเสนอ โดยสั่งฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหาที่ 1, นายมานัส ผู้ต้องหาที่ 2, นายณรงค์ศักดิ์ป้อมจันทร์ ผู้ต้องหาที่ 3, นายชาติชาย เมณฑ์กุล ผู้ต้องหาที่ 4, นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข ผู้ต้องหาที่ 5 และดาบตำรวจธงชัย หรือสจ.อ๊อด วจีสัจจะ ผู้ต้องหาที่ 6
ในข้อหา 1.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้
2.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย
3.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
4.ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่สามคนขึ้นไป
5.เป็นซ่องโจรโดยสมคบกันเพื่อกระทำผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต
6.ร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป
7.ร่วมกันซ่อนเร้นทำลายศพเพื่อปิดบังการตายและสาเหตุการตาย
8.ร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นเพื่ออำพรางคดี
9.ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานและเฉพาะ พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหาที่ 1 ถูกฟ้องเพิ่มเติมในข้อหาสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานเพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิและแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิเพื่อกระทำผิดอาญาอีกด้วย
นอกจากนี้ พนักงานอัยการยังขอให้นับโทษพ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหาที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกของศาลอาญากรุงเทพใต้ในคดีหมายเลขคดีแดง ที่636/2563 ที่ศาลลงโทษจำคุกพ.ต.ท.บรรยินในคดีปลอมเอกสารโอนหุ้นเสี่ยชูวงศ์ และนับโทษต่อจากโทษในคดีหมายเลขคดีดำที่ 4915/2559 ของศาลอาญาพระโขนง ซึ่งพนักงานอัยการฟ้องพ.ต.ท.บรรยินข้อหาฆ่าเสี่ยชูวงศ์โดยขณะนี้คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอีกด้วย
สำหรับชายไทยไม่ทราบชื่อผู้ต้องหาที่ 7 พนักงานสอบสวนเสนอเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง เพราะไม่มีพยานใด ๆ ว่าผู้ต้องหาที่ 7 ไปร่วมกระทำผิดกับผู้ต้องหาที่ 1-6 เมื่อพนักงานอัยการซึ่งเป็นคณะทำงานรองอธิบดีอัยการและอธิบดีอัยการพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับความเห็นของพนักงานสอบสวนโดยสั่งไม่ฟ้องชายไทยไม่ทราบชื่อผู้ต้องหาที่ 7 ตามเสนอ และ ผบ.ตร.เห็นชอบตามคำสั่งพนักงานอัยการดังกล่าว
นายประยุทธ กล่าวเพิ่มเติมว่า พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องพ.ต.ท. บรรยิน กับพวกทั้ง 6 คนต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางแล้วในวันนี้ ซึ่งคดีนี้พนักงานอัยการไม่ต้องส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 เพราะผู้ต้องหาถูกควบคุมอยู่ในอำนาจศาลแล้ว
ขั้นตอนต่อไปตามกฎหมายศาลจะเบิกตัวจำเลยมาสอบคำให้การว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธซึ่งคดีนี้ไม่ว่าจำเลยจะให้การอย่างไร พนักงานอัยการก็ต้องสืบพยาน เพราะเป็นคดีมีโทษประหารชีวิตสำหรับคดีนี้แม้เป็นคดีฆาตกรรม แต่ทางคดีมีข้อหาข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบต่อหน้าที่รวมอยู่ด้วย
คดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 3 พนักงานอัยการจึงมีอำนาจฟ้องรวมทุกข้อหาในคดีนี้ต่อศาลดังกล่าว
ที่มา ข่าวสดออนไลน์