วันที่ 26 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีภาพ ข้อความ พร้อมเสียงชื่นชมในสังคมออนไลน์ ว่า นายปกรณ์ สุริวรรณ นายอำเภอเชียงแสน จ.เชียงราย หลังจากที่มารับตำแหน่งนายอำเภอเชียงแสน จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 7 เมษายน 63 ที่ผ่านมา ได้ออกเยี่ยมชาวบ้าน ผู้ประสบภัยต่างๆ นั่งกินข้าวกับชาวบ้าน ร่วมงานแต่ง งานศพ และตระเวนสร้างบ้านให้กับผู้ที่ยากไร้ได้มีที่อยู่ใหม่หลายหลัง เผยแพร่ออกไป ได้มีผู้แสดงความชื่นชม นายอำเภอปกรณ์ เป็นจำนวนมาก บางคนถึงขั้นยกย่องเป็นเทวดาเดินดิน เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน
ผู้สื่อข่าวได้พบกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หลายคนสอบถามในเรื่องนี้ ต่างพูดกันว่า ผ่านนายอำเภอมาก็หลายคน ยังไม่เคยมีนายอำเภอเชียงแสนคนใด จะออกพื้นที่เยี่ยมชาวบ้าน และร่วมกิจกรรมกับชาวบ้านเกือบทุกหมู่บ้านเท่านายปกรณ์ นอกจากลงพื้นที่ ยังสำรวจว่าราษฎรคนไหนยากจน ไม่มีบ้านอยู่ นายปกรณ์จะไปถึงที่ นำสิ่งของและเงินไปมอบให้ พร้อมเป็นสะพานบุญหาทุนมาสร้างบ้านใหม่ให้อยู่
“เพียงไม่ถึง 2 เดือน นายปกรณ์ได้สร้างบ้านใหม่ให้กับชาวบ้านที่ยากไร้ไม่มีบ้านอยู่ ขณะนี้ได้สร้างบ้านเสร็จไปแล้ว 5 หลัง ใช้ชื่อบ้านใหม่ว่าบ้านฮอมบุญพบโชค โดย บ้านฮอมบุญพบโชคหลังที่ 69 ได้นิมนต์พระไพศาลประชาทร วิ. (พระอาจารย์พบโชค) เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง เมืองเชียงราย มาเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับเจ้าของบ้านอีกด้วย”
นายณรงค์ พูลชัย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.เวียง กล่าวว่า ตั้งแต่ นายปกรณ์ ย้ายมารับตำแหน่งนายอำเภอเชียงแสน ก็ขยันออกพื้นที่ไปตามหมู่บ้านต่างๆ ไปช่วยคนยากไร้ ใครไม่มีบ้านอยู่ ก็จะรวบรวมเงินมาสร้างบ้านให้ โดยขอใช้แรงชาวบ้านช่วยกันสร้างให้ คนป่วยติดเตียงก็ไปติดต่อสิ่งของจาก พระไพศาลประชาทร วิ. เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง นำมาแจกให้ตามหมู่บ้านต่างๆ “เหมือนเทวดามาโปรดคนยากไร้ ชาวบ้านที่ลำบากช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จะได้มีกำลังใจสู้ชีวิตต่อไป”
ด้าน พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ อูปป้อ สว.สอบสวน สภ.บ้านแซว อ.เชียงแสน เปิดเผยว่า ตนมีบ้านอยู่ในพื้นอำเภอดอยหลวง เคยสัมผัส และเห็นการทำงานของนายปกรณ์ สมัยเป็นนายอำเภอดอยหลวง นายปกรณ์ จะออกทำงานสัมผัสชาวบ้านตลอด ชอบช่วยชาวบ้านที่ยากไร้ จนมีความรักผูกพันกับชาวบ้านมาก พอย้ายไปเป็นนายอำเภอพญาเม็งราย หากชาวบ้านดอยหลวงมีงานบุญ งานแต่ง หรืองานศพ นายปกรณ์ ก็ยังเดินทางมาร่วมงานตลอด
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์