วันที่ 10 มิ.ย.63 นางปพิชญา เอียดนุ่น มารดาของ พลทหารประจักษ์ แก้วคงธรรม หรือน้องนุก อายุ 25 ปี ชาวจ.ตรัง เข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าว ต.โคกว่า หลังจากลูกได้สมัครเป็นพลทหารเกณฑ์ สังกัดค่ายกองบิน 56 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยเข้าประจำการเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2561 ซึ่งระหว่างเข้าประจำการมีร่างกายแข็งแรง กระทั่งเมื่อวันที่ 1 พ.ค.62 ตนได้ไปรับตัวกลับ ขณะที่อยู่ในกักขังค่ายกองบิน 56 ปรากฏว่า พลทหารประจักษ์ มีสภาพอิดโรยไม่สามารถจำหน้าแม่ได้ สภาพจิตใจ หรือพฤติกรรมมีความบกพร่อง จึงได้กลับบ้านจังหวัดตรัง แล้วเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตรัง กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงเป็นเวลา 1 เดือน โดยกองทัพไม่เคยช่วยเหลือ เยียวยาแต่อย่างใด และล่าสุด พยายามติดต่อครอบครัวเพื่อเรียกตัวกลับเข้าหน่วย เพราะกำลังจะปลดประจำการ
ขณะที่แม่ไม่ขอส่งลูกกลับไป และได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ผ่านทาง นายภานุวัฒน์ พูลสวัสดิ์ เป็นผู้รับหนังสือ ขอให้ศูนย์ดำรงธรรมประสานงานกับต้นสังกัดคือ กองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 56 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ขอดำเนินการปลดประจำการ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.63 ที่ผ่านมา
นางปพิชญา เล่าว่า ลูกเป็นทหารเกณฑ์ กองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 56 อ.หาดใหญ่ เมื่อ 2560 หลังจากนั้นก็กลับมาอยู่บ้าน ไม่กลับไปค่าย เมื่อกลับไปรอบที่ 2 อยู่ 6-7 เดือน จู่ๆ เขาก็โทรมาบอกว่าลูกไม่สบาย แต่จะไม่ให้ตนเข้าไปเยี่ยม ก็ได้ปีแจ้งว่าลูกไม่สบายตลอดจนกระทั่งรอบที่ 4 เขาบอกให้ไปรับลูกกลับมา แต่วันนั้นลูกจำแม่ไม่ได้แล้ว หมดสภาพ นิ่งเป็นเหมือนก้อนหิน ก็พาเข้า รพ.ตรัง ทันที กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่ที่ รพ. 1 เดือน กลับมาเช่าบ้านอีก 1 เดือน อาการตอนนั้นมีบาดแผลที่หัว 4 จุด จะไม่มีผมขึ้นเลย ที่สะโพกมีแผลใหญ่ ตอนนั้นเดินไม่ได้ ได้เอกซเรย์พบว่ากระดูกขี่กันอยู่ ซึ่งก่อนไปค่ายลูกปกติหมด แต่จู่ๆ กลับมากลายเป็นคนพิการไปแล้ว
“รับไม่ได้ เสียสติไปเลย 2 วันดี 4 วันร้าย กินไม่ได้นอนไม่หลับ ทุกวันนี้อาการลูกก็ดีขึ้นแล้ว ช่วงที่ลูกป่วย เคยบนไว้ว่าหากหายป่วยจะให้ลูกบวช เมื่ออาการลูกดีขึ้นแล้วก็เคยบวชไป 2 เดือน แต่ช่วงนั้นตนต้องตักข้าวใส่ปิ่นโตทุกวัน เพราะลูกไม่สามารถเดินบิณฑบาตได้ ซึ่งช่วงที่บวชนั้นไม่ได้กินยา อาการป่วยก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม สติแตกเดินไปเดินมาที่วัด 2 วัน 2 คืน พระอาจารย์จึงแนะนำให้ลูกสึกออกมารักษาตัว ก็พาไปรักษาตัวที่ รพ.อีก 16 วันแต่ต้องกินยาสม่ำเสมอ หากไม่กินยาอาการก็จะกลับมาเป็นอีก” นางปพิชญากล่าว และว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ลูกหนีออกจากค่าย หลังจากนั้นเขาก็ได้ทำโทษด้วยการขังในเรือนจำ และตอนไปรับลูกกลับมา มีอาการความผิดปกติของความคิด การรับรู้ไม่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้มีผลเสียต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน
นางปพิชญา เล่าต่อว่า อยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนนี้ลูกก็ต้องอยู่สภาพนี้ตลอดชีวิต เมื่ออาการกำเริบลูกไม่ได้สติ มีน้ำลายไหลออกทางปาก ได้เก็บภาพช่วงนั้นไว้ตลอด ลูกเป็นแบบนี้ทางค่ายก็ยังจะขอรับลูกกลับไปที่ค่ายอีก ตนก็ไม่เข้าใจว่าทางค่ายคิดอะไรเราอยากรู้เหตุผลเหมือนกัน ว่าทำไมอาการลูกดีขึ้นเขาก็จะมาเอาตัวลูกไป วันที่ 2 มิ.ย. 63 ที่ผ่านมา เขาก็ติดต่อขอรับลูกกลับค่าย
ยืนยันว่าให้กลับไปไม่ได้แล้ว เพราะตนทุ่มเทรักษาอาการลูกมาถึงขนาดนี้แล้ว แต่เขาก็ยังยืนว่าจะเอาลูกกลับไปที่ค่าย ช่วงที่รักษาตัวก็ต้องแจ้งอาการป่วยของลูกไปตลอด ไม่มีการเยียวยาอะไรให้เลย ส่วนสาเหตุที่ทำให้ลูกเป็นแบบนี้เขาก็ไม่ชี้แจง ยอมรับว่าที่ผ่านมาเสียเงินรักษาลูกมาหลายบาทแล้ว จนตอนนี้อาการเขาก็ดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็อยากให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะตนเหตุมาจากเขาไม่ได้ต้องการเอาผิดใคร แต่แค่อยากให้รับผิดชอบ และดูแลลูกบ้าง เพราะตนก็แก่ และเหนื่อยมากแล้ว ถ้าทำได้ก็ถือว่าเป็นบุญมากแล้ว ส่วนลูกชายเขาก็ยังอยากกลับไปอยู่ค่ายแต่ตนไม่อยากให้กลับไปแล้ว