ความเจ็บระดับ 10 ! เตือนภัยคนชอบกินกุ้ง พบผู้ป่วยถูกเปลือกกุ้งแทงหลอดอาหาร ต้องผ่าตัดด่วน!

ใครจะคิดว่าอาหารมื้อที่อร่อยนั้นจะกลายเป็นมื้อที่ทำให้เราเจ็บปวดมากจนถึงต้องเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งในกรณีนี้เป็นรื่องราวของหญิงคนหนึ่งที่กินกุ้งโดยไม่ได้แกะเปลือก และนั่นทำให้เธอต้องเข้าโรงพยาบาลเลย!

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้โพสต์เรื่องราวผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับผู้ป่วยรายหนึ่งที่กินกุ้งทั้งเปลือก และมันเข้าไปขวางในหลอดอาหารของเธอ สร้างความเจ็บปวดให้เธอเป็นอย่างมาก

เคสนี้คนไข้อายุ 60 ปี ได้รับประทานอาการร่วมกับครอบครัวซึ่งหนึ่งในนั้นคือเมนูแกงส้มกุ้งใส่ดอกแค กุ้งตัวขนาดกลาง ไม่ได้แกะเปลือกมีหัวกุ้งติดอยู่ด้วย ซึ่งตอนที่ผู้ป่วยรับประทานตัวแรกและตัวที่สองก็ยังทานได้ปกติ

จนกระทั่งตัวที่ 3 ผู้ป่วยเคี้ยวไม่ละเอียดพอ เมื่อกลืนลงไปทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่แถว ๆ ลูกกระเดือก พยายามปั้นข้าวเป็นก้อนเพื่อกลืนลงไปก็ไม่ช่วยอะไร กลืนน้ำตามก็ไม่ช่วย และยังเพิ่มความเจ็บปวดมากขึ้นด้วย

จากนั้นผู้ป่วยจึหยุกรับประทานขอตัวไปพัก แต่อาการก็รุนแรงมากขึ้นถึงขั้นที่ไม่สามารถกลืนน้ำลายได้ ต้องบ้วนน้ำลายออกเพราะว่าเจ็บมาก ญาติจึงพาตัวมาส่งที่โรงพยาบาลสิชล

ผู้ป่วยเข้าห้องฉุกเฉิน ซักประวัติ วัดสัญญาณชีพจร และประเมินความเจ็บปวดให่ระดับ 10 เต็ม 10 ซึ่งเป็นความเจ็บปวดขั้นสูงสุด แพทย์ได้ทำการส่องกล้องในลำคอก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ จึงทำการฉีดยาแก้ปวดให้ก่อน จากนั้นเมื่อดูที่ผลเอกซเรย์ก็พบว่ามีเงาทึบสีขาวปรากฏอยู่ขนาดประมาณ 2.5 เซนติเมตร ขวางอยู่ที่หลอดอาหารส่วนบน จากนั้นจึงส่งตัวผู้ป่วยไปให้น้ำเกลือ และทำการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวช่ญด้าหู คอ จมูก และส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที

เนื่องจากผู้ป่ายเพิ่งทานข้าวไปได้เพียง 2 ชั่วโมง และไม่ได้งดน้ำงดอาหารก่อนผ่าตัด แพทย์ต้องใส่ท่อช่วยหายใจเพื่อป้องกันการสำลักในระหว่างที่ดมยาสลบ และเมื่อส่องกล้องเข้าไปในหลอดอาหารก็พบว่ามีเปลือกกุ้งแทงอยู่ในลักษณะแนวขวาง จึงค่อย ๆ ใช้เครื่องมือคีบออกได้สำเร็จ และทำการตรวจดูว่าไม่มีอะไรแปลกปลอมตกค้างอยู่ จึงทำความสะอาดและให้ยาต้านเชื้อ 5 วัน

เคสนี้เป็นเคสที่ยากและมีความซับซ้อน ต้องระมัดระวังทุกขั้นตอน และเป็นบทเรียนให้ทุกท่านที่ชอบกินกุ้งทั้งเปลือก โดยเฉพาะกุ้งตัวใหญ่ ควรหลีกเลี่ยงและระวังให้มาก ๆ ในตอนนี้อาการของผู้ป่วยรายนี้หายเป็นปกติแล้ว

ที่มา : Kapook, Arak Wongworachat