ต้มเล้ง คือ อาหารสุดแซ่บ ที่เริ่มกลายเป็นที่รู้จักของคนจำนวนมาก เน้นเลือกใช้ส่วนกระดูกสันหลังของหมู ที่มีทั้งกระดูก และเนื้อติดกระดูกมาด้วยเล็กน้อย ความอร่อย คือ การที่นำกระดูกแบบติดเนื้อนิด ๆ มาต้ม จึงทำให้ได้น้ำซุป กระดูกหมู และเนื้อ ที่มีความหวานอร่อยอย่างเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญ คือ การใส่พริกขี้หนูสดเป็นเม็ด ๆ แบบหั่นซอยลงไปจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่ จะเลือกใช้พริกขี้หนูสีเขียว เพื่อให้หน้าตาของต้มเล้ง ออกมาดูน่าทานมากขึ้น พร้อมรสชาติที่เผ็ดร้อน และหอมพริกอย่างมาก ปรุงรสให้เปรี้ยวนำ ผสมผสานความกลมกล่อมทั้งความเค็ม และความหวาน จนกลายมาเป็นต้มเล้ง ที่ถูกปากคนไทยยุคนี้เป็นอย่างมาก
ต้มแซ่บเล้ง ทำมาจากส่วนไหน?
กระดูกเอียเล้ง คือ กระดูกสันหลัง กระดูกชิ้นนี้ จะถูกเลาะเนื้อส่วนเต็ม ๆ ออกไป เหลือเพียงเนื้อติดกระดูกบ้างเล็กน้อยเท่านั้น คือส่วนนี้เอาไปทำอะไรก็คงไม่ได้เนื้อสักเท่าไหร่ เค้าเลยเก็บส่วนนี้ไว้ทำน้ำซุปนั่นเอง
ทำไมเรียกเล้ง?
ชื่อ เล้ง ถูกเรียกมานานแล้ว แต่เพิ่งมานิยมก็ตอนที่มีร้านฮิตทำต้มเล้งแซ่บขายกันทั่วสารทิศ ทุกมุมเมือง ที่มาคำเรียก ก็ชื่อเค้านั่นแหละ เอียเล้ง แต่ตัดใช้คำสั้น ๆ เรียกว่า เล้ง เล้ง เล้ง แค่เนี้ยง่าย ๆ ติดปากแล้ว
วัตถุดิบต้มเล้ง
- กระดูกเล้ง 500 กรัม
- น้ำสะอาด 2 ½ ลิตร
- เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียม 3 กลีบ
- รากผักชี 1 รากใหญ่
- พริกไทย 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูสวนสีเขียว 15 เม็ด
- น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- ผักชีฝรั่ง 2 ต้น
วิธีทำต้มเล้ง
- ล้างกระดูกเล้งให้สะอาด จนไม่มีเลือดออกมา ผึ่งให้แห้ง
- ใส่กระดูกเล้งลงในหม้อ บุบรากผักชี และกระเทียม ใส่ตามลงไป ตามด้วยพริกไทย เกลือ และน้ำเปล่าลงไปพอท่วม
- ตั้งไฟอ่อน เคี่ยว 2 ชม. ระหว่างเคี่ยวให้คอยตักฟองออกตลอด เสร็จแล้วตักกระดูกเล้ง และน้ำซุปใส่ถ้วย
- ตักกระดูกหมูใส่ชาม
- ซอยผักชีฝรั่ง โรยบนกระดูกหมู ตามด้วยพริกขี้หนูสวนตำจนแหลก
ปรุงรสด้วยน้ำปลาและมะนาว เพียงเท่านี้ “ต้มเล้งแซ่บ” ก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมกินร้อน ๆ แล้วจ้า
ได้วิธีทำพร้อมสูตรต้มเล้งแซ่บง่ายขนาดนี้! ขอรีบพุ่งตัวออกไปซื้อวัตถุดิบมาทำตามกันด่วน ๆ แต่ถ้าใครชอบแบบกรุบ ๆ จะเปลี่ยนจากกระดูกเล้งมาเป็นต้มแซ่บกระดูกอ่อนก็แล้วแต่ความชอบ