ต้องรู้ !! 15 ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาว ปี 2565

กลิ่นลมหนาวโชยมาหลังจากผ่านพ้นช่วงฤดูฝนไป หลายคนจะได้ยินคำว่า ปลายฝนต้นหนาว แต่ก็อาจจะสับสนว่าเอออปลายฝนต้นหนาวนี่มันเดือนไหน หรือเกิดคำถามว่าปลายฝนต้นหนาว เที่ยวไหนดี ? คำถามที่หลายคนอยากรู้คำตอบ เพื่อจะได้วางแผนท่องเที่ยวออกไปดื่มด่ำกับบรรยากาศในช่วงรอยต่อระหว่างฤดู จากหน้าฝนที่แสนชุ่มฉ่ำ ค่อย ๆ เคลื่อนคลานเข้าสู่หน้าหนาวที่อากาศเย็นฉ่ำ เอาเป็นว่าตามไปดูกันเลย

ปลายฝนต้นหนาว เดือนไหน

ซึ่งปลายฝนต้นหนาว คือ ช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อระหว่างฤดูฝนกับฤดูหนาว บางพื้นที่ฝนตกบาง ๆ สลับกับอุณหภูมิที่เย็นลงในตอนเช้า อากาศกำลังดี ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไปนั่นเองงงง

ปลายฝนต้นหนาว เที่ยวไหนดี

1. หมู่บ้านมอญห้วยน้ำใส จังหวัดราชบุรี

         หมู่บ้านชุมชนชาวไทยรามัญ (ชาวมอญ) ที่ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ในหุบเขา ที่ผสมผสานวิถีชีวิตไทย-มอญได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังถูกรายล้อมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ ภูเขา และลำธาร ซึ่งกิจกรรมไฮไลต์ไม่ควรพลาดคือ การตักบาตรของชาวมอญในช่วงเช้า (ชาวบ้านเรียกว่า “จู๊ดเปอป๊าด” แปลว่า ตักบาตร) โดยมีการปูเสื่อตามแนวทางเดิน เมื่อได้เวลาจะหามระฆังและตีส่งสัญญาณ จากนั้นพระสงฆ์จากสำนักสงฆ์ห้วยน้ำใสก็จะเดินเป็นแถวมาเพื่อรับบิณฑบาต ปิดท้ายด้วยนางรำของชาวมอญ หากไปเที่ยวในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดต่อเนื่อง จะมีตลาดให้นักท่องเที่ยวเดินช้อป รวมถึงของกินหลากหลายให้เลือกซื้อหา เช่น เมี่ยงคำ กาแฟ ชา ข้าวเหนียว ขนมถ้วย หอมทอด และผลิตภัณฑ์พื้นบ้านต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่และร้านอาหารบริการด้วย

2. ส่องช้างป่า-กระทิง ณ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

 ช่วงปลายฝนต้นหนาวอากาศกำลังสบาย ๆ กิจกรรมการท่องเที่ยวชมสัตว์ป่า ณ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ที่ตั้งอยู่ในตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพราะอุทยานแห่งชาติกุยบุรีมีสภาพป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าที่มีความสำคัญหลายชนิด เช่น ช้างป่า กระทิง วัวแดง รวมทั้งสัตว์ป่าอื่น ๆ จำนวนมาก และพบเห็นได้ง่าย ทางอุทยานจึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนหลายภาคส่วน โดยเฉพาะชาวบ้านหมู่บ้านรวมไทย ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาช้างป่าออกมากินพืชผลทางการเกษตร ก่อตั้งชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรีขึ้น และได้จัดกิจกรรมชมสัตว์ป่า เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและชาวบ้านอีกด้วย โดยกิจกรรมชมสัตว์ป่านั้นจะเปิดระหว่างเวลา 14.00-18.00 น. ซึ่งการเข้าไปยังพื้นที่ชมสัตว์ป่าจะต้องเช่ารถของชมรมท่องเที่ยวฯ เข้าไปยังจุดชมสัตว์ป่าทั้ง 4 จุด ได้แก่

  • จุดที่ 1 จุดชมสัตว์ป่าโป่งสลัดได ทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ มีหอชมสัตว์
  • จุดที่ 2 หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กร.1 (ป่ายาง)
  • จุดที่ 3 พุยายสาย
  • จุดที่ 4 บริเวณหน้าผาจุดชมสัตว์ป่า

 ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ประกาศปิดการท่องเที่ยวและพักแรมประจำปี 2565 ระหว่างวันที่ 1 กันยายน – 31 ตุลาคม เพื่อให้แหล่งท่องเที่ยวและทรัพยากรธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติกุยบุรีเกิดการฟื้นตัว

3. ชมหิ่งห้อย บ้านโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร

           ในช่วงปลายปีที่ชุมชนบ้านโพธิ์ประทับช้าง ตำบลโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร จะมีเทศกาล “หิ่งห้อย ระยิบ ระยับ” เพราะหิ่งห้อยจะออกมาให้ชมแค่ช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคม ของทุกปี โดยในปี 2565 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม นักท่องเที่ยวสามารถที่จะไปล่องเรือชมหิ่งห้อยได้ที่วัดโพธิ์ประทับช้าง มีเรือให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 19.00-23.00 น. นั่งได้ 8 คน ใช้เวลาในการล่องเรือประมาณ 30-40 นาที โดยจุดที่สามารถชมหิ่งห้อยได้นั้นจะอยู่บริเวณริมแม่น้ำพิจิตร นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้เคียงไปด้วยได้ เช่น วัดโพธิ์ประทับช้าง วัดโบราณที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา, ตลาดดอกเดื่อ ตลาดย้อนยุคที่มีอาหารอร่อย ๆ เพียบ, นั่งรถรางชมสวนส้มโอ และเยี่ยมชมกลุ่มทอผ้าบ้านหนองพง เป็นต้น

4. บ้านน้ำจวง จังหวัดพิษณุโลก

          บ้านน้ำจวง แหล่งท่องเที่ยวปลายฝนต้นหนาว ที่ตั้งอยู่ในตำบลบ่อภาค อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ห่างไกลจากตัวเมืองกว่า 150 กิโลเมตร มีสภาพภูมิศาสตร์และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ประกอบกับวิถีของชาวไทยภูเขาเผ่าม้งที่น่าสนใจ โดยมีกิจกรรมให้ร่วมทำมากมาย เช่น ในช่วงหน้าฝนจะมีนาขั้นบันไดบนเนินสองเต้าให้ได้ชมกัน อีกทั้งยังร่วมสนุกสนานไปกับเทศกาลกินข้าวใหม่ หรือข้าวโค้ว ที่เป็นเอกลักษณ์ของวิถีชนเผ่าม้ง และมีจุดท่องเที่ยวที่ต้องให้เจ้าถิ่นนำทางไป เนื่องจากต้องใช้รถกระบะ 4×4 ไต่ไปตามเขา เช่น น้ำตกตาดปลากั้ง น้ำตกตาดปลาขาว อ่างเก็บน้ำอันเนื่องจากพระราชดำริบ้านน้ำจวง ศูนย์อนุรักษ์ต้นน้ำน้ำภาค และศูนย์การเรียนรู้ภูทับสี่ บ้านน้ำจวง เป็นต้น รวมถึงที่นี่ยังมีที่พักแนวโฮมสเตย์และจุดกางเต็นท์ไว้ให้บริการ ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดได้ที่ นายนิรันดร์ ลีวัฒนะกุล ประธานกลุ่มท่องเที่ยวในชุมชนบ้านน้ำจวงอย่างยั่งยืน โทรศัพท์ 06-3067-6100

5. จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นภูค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

           จุดชมวิวทิวทัศน์อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ตั้งอยู่บริเวณ กม.ที่ 401 ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (สายหล่มสัก-ชุมแพ) จากนั้นเดินเท้าต่อขึ้นไปอีกประมาณ 100 เมตร จะพบกับจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นภูค้อ โดยบนนี้สามารถมองเห็นวิวของป่าเขาได้กว้างไกล เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า และสามารถมองเห็นผืนป่าอีสานตะวันตก เช่น ภูหลวง ภูกระดึง ภูเขียว และภูผาจิต ซึ่งเป็นภูที่สูงที่สุดในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว

นอกจากนี้ทางอุทยานแห่งชาติยังได้จัดทำเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

6. ภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์

           ที่เที่ยวยอดนิยมโดยเฉพาะกับสายเดินป่าที่ชื่นชอบดวงดาว เพราะได้ทั้งเดินป่าในตอนกลางวันและดูดาวในยามค่ำคืน ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว โดยจะต้องเดินขึ้นเขาเพื่อพิชิตยอดภูสอยดาวที่มีความสูงถึง 2,102 เมตร วัดจากความสูงเหนือระดับน้ำทะเล เพื่อขึ้นไปชมสถานที่ไฮไลต์สวย ๆ เช่น ทุ่งดอกหงอนนาค ดอกไม้สีม่วงที่บานสะพรั่งเต็มผืนป่า เส้นทางการเดินป่าภูสอยดาวจะเริ่มต้นที่ น้ำตกภูสอยดาว สิ้นสุดที่ จุดพิชิตภูสอยดาว (ลานภูสอยดาว) รวมระยะทางเกือบ 7 กิโลเมตร ส่วนระยะเวลาที่ใช้ขึ้นอยู่กับสภาพความแข็งแรงของร่างกายของแต่ละคน และกางเต็นท์นอนดูดาวนับล้านดวงบนท้องฟ้า

อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะไกล ลานสนภูสอยดาว ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – วันที่ 15 มกราคม ของทุกปี เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นมาสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด และต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติต่าง ๆ

7. บ้านแม่ลัว จังหวัดแพร่

           หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ท่างกลางขุนเขาในพื้นที่ตำบลป่าแดง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 30 กิโลเมตร ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพปลูกเมี่ยง-หมักเมี่ยง ปลูกกาแฟ หม่อน เจียวกู่หลาน เป็นต้น โดยเฉพาะเมี่ยง (ชาป่าหรือชาพื้นเมืองทางภาคเหนือ) และกาแฟ ซึ่งบ้านแม่ลัวจะมี 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์อาราบิก้าและโรบัสต้า ความโดดเด่นคือ ปลูกบนดอยที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,000-1,300 เมตร และไม่ใช้สารเคมี ใช้แค่ปุ๋ยธรรมชาติเท่านั้น ทำให้ได้รสชาติของกาแฟที่บางเบา เป็นรสของธรรมชาติแท้ ๆ

          นอกจากนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินพิชิต “ดอยช้างผาด่าน” ยอดเขาหินปูนสูงเด่น มีรูปร่างคล้ายช้างนอนหมอบ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 840  เมตร ซึ่งด้านบนสามารถเที่ยวได้ทั้งค้างแรมและไม่ค้างแรม โดยต้องขออนุญาตจากเขตห้ามล่าสัตว์ป่าช้างผาด่าน และต้องมีชาวบ้านดูแลนำเที่ยวทุกครั้ง

8. ม่อนปุยหมอก จังหวัดตาก

           ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวอีกหนึ่งแห่งที่เราชวนไปเยือนกับ ม่อนปุยหมอก ความสูง 1,100 เมตร จากระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่เมย เป็นเส้นทางเดินเท้าจากที่ทำการอุทยานไปจนถึงจุดชมวิว ระหว่างทางจะพบเห็นน้ำตกน้อยใหญ่และทุ่งหญ้าสีทองสวยงาม ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ก็จะถึงลานกางเต็นท์ ซึ่งเป็นจุดที่มองเห็นทะเลหมอกเบื้องหน้าได้สุดสายตา รวมทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน

ทั้งนี้ บริเวณจุดกางเต็นท์ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ (วางแผนสำหรับทริปนี้พอสมควร) หากใครที่จะมาพิชิตม่อนปุยหมอก จำเป็นต้องติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางและลูกหาบล่วงหน้าด้วยนะ 

9. สวนดอกไม้เชียงใหม่

          ช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ หากมีโอกาสไปเที่ยวเชียงใหม่ไม่ควรพลาดไปเยือนสวนดอกไม้ในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งตอนนี้มีหลายสวนในอำเภอแม่ริม อำเภอสะเมิง เริ่มทยอยเปิดให้เข้าเที่ยวชมกันแล้ว เพราะเป็นช่วงที่ดอกไม้เมืองหนาวอย่างดอกมาร์กาเร็ต ดอกเก๊กฮวย ดอกเวอร์บีน่า และดอกคัตเตอร์ เป็นต้น กำลังผลิบานเผยโฉมความงดงามให้ได้ชมและถ่ายรูปเล่นสวย ๆ

10. ดอยหัวหมู จังหวัดเชียงใหม่

          จุดชมวิวในเส้นทางศึกษาธรรมชาติยอดดอยปุย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเส้นทางเดินชมธรรมชาติ เลาะเลียบผาที่มีป่าสนหนาแน่น ซึ่งเริ่มต้นเดินทางจากพระธาตุดอยสุเทพ ผ่านตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ มุ่งสู่จุดกางเต็นท์ดอยปุย จากตรงนี้ไปจะมี 2 ทางให้เลือก คือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติยอดดอยปุย และทางแยกหน้าหมู่บ้านขุนช่างเคี่ยน ทั้ง 2 เส้นทางจะมีระยะทางใกล้เคียงกัน นั่นคือประมาณ 3 กิโลเมตร และทั้ง 2 ทางสามารถเชื่อมต่อถึงกันได้

          1. เส้นทางจากป้อมร้างที่มีไม้กั้นและป้ายบอกทางอยู่ ควรศึกษาแผนที่ตรงป้ายก่อน แล้วเริ่มเดินไปเลย มีระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ลักษณะทางเป็นทางปูนและทางดิน รอบล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่เขียวชอุ่ม แต่ต้องเดินด้วยความระมัดระวังเพราะมีตะไคร่เกาะตามทางเดินพอสมควร จากนั้นจะเป็นทางเดินลงที่เป็นบันไดปูน ต่อด้วยทางเดินดินลาดลงก็จะถึงจุดชมวิวดอยหัวหมู

          2. เส้นทางจากหน้าหมู่บ้านขุนช่างเคี่ยน จะอยู่ก่อนถึงทางเข้าหมู่บ้าน เป็นสามแยกเล็ก ๆ สามารถจอดรถตรงนั้นแล้วเดินขึ้นมาได้เลย ทางเดินเป็นทางดิน มีความชันพอประมาณ แต่เดินได้ไม่ลำบาก ระหว่างทางจะพบกับจุดพลับพลา เป็นศาลาไม้ใหญ่ ๆ มีทางแยกไปยอดดอยปุยได้จากจุดนี้ ให้เดินต่อไปอีกเล็กน้อยก็จะถึงจุดชมวิวดอยหัวหมู 

          การมาเที่ยวดอยหัวหมู ควรจะมาเที่ยวในช่วงปลายฝนต้นหนาวหรือหน้าหนาว เพราะอากาศกำลังเย็นสบาย มีสายหมอกและลมเย็น ๆ และช่วงเวลาที่แนะนำเป็นเวลาประมาณ 07.00-15.00 น. เพราะเป็นช่วงเวลาที่มีแดด มีแสงส่องสว่าง ไม่มืดครึ้มจนเกินไป          ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ไม่ได้เปิดให้บริการตลอดทั้งปี ผู้ที่จะเดินทางมาเที่ยวควรศึกษาข้อมูลและติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานก่อนทุกครั้ง 

11. บ้านรักไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

          หมู่บ้านชาวจีนยูนนานที่ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ยังคงเอกลักษณ์ของตนเองไว้ได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกาย ภาษา สถาปัตยกรรม บ้านเรือนที่สร้างด้วยดินเหนียวผสมข้าวฟ่าง รวมถึงอาหารอย่างขาหมูหมั่นโถวและชาหอม ๆ และด้วยตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,776 เมตร ทำให้ที่นี่อากาศเย็นสบายเกือบตลอดทั้งปี

  ไฮไลต์ของการไปเที่ยวบ้านรักไทย คือ การได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทย-จีนยูนนาน จิบชาขึ้นชื่อ นั่งเรือล่องทะเล เดินเล่นในไร่ชาที่ปลูกเป็นระดับขั้นบันได ปั่นจักรยานชมบรรยากาศรอบหมู่บ้าน และลิ้มลองอาหารยูนนานต่าง ๆ ทางด้านที่พักก็มีพร้อมให้บริการอยู่ไม่น้อย

12. เกาะแรต จังหวัดสุราษฎร์ธานี

          เกาะขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งบ้านแหลมลื่น ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพียง 500 เมตรเท่านั้น โดยมีสะพานเฉลิมสิริราช (สะพานปูน) เชื่อมเข้าไปถึงยังตัวเกาะ บนเกาะมีบ้านเรือนอยู่ราว ๆ 90 ครัวเรือน ส่วนใหญ่ทำอาชีพประมงพื้นบ้าน มีบางส่วนที่ปรับเปลี่ยนเป็นโฮมสเตย์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละหลังก็จะมีการให้บริการแตกต่างกันไป แต่ที่เหมือนกันคืออาหารทะเลสด ๆ ใหม่ ๆ รวมถึงอาหารพื้นเมืองอีกหลากหลายเมนูให้บริการด้วย

ความน่าสนใจของที่นี่คือวิถีชีวิตชุมชนชาวประมงอันเงียบสงบ ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย ส่วนบนเกาะก็มีจุดท่องเที่ยว เช่น ศาลเจ้าพ่อกวนอู ศาลเจ้าแม่ทับทิม ศาลเจ้าไหหลำ ที่คนบนเกาะให้ความเคารพนับถือมายาวนาน

13. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา

         ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวใครบอกว่าไปได้แต่ขึ้นดอย เดินป่าล่ะ ทะเลสวย ๆ ก็ไปเที่ยวได้เหมือนกันนะ โดยเฉพาะเกาะต่าง ๆ ภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ที่จะกลับมาเปิดการท่องเที่ยวประจำปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม เป็นต้นไป (อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จะปิดการท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม – 14 ตุลาคม ของทุกปี) สำหรับอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ประกอบไปด้วยทั้งหมด 11 เกาะ ได้แก่ เกาะหูยง, เกาะปายัง, เกาะปาหยัน, เกาะเมียง, เกาะห้า, เกาะหก, เกาะปายู, เกาะสิมิลัน, เกาะบางู, เกาะตาชัย และเกาะบอน ซึ่งหมู่เกาะเหล่านี้มีความงามทั้งบนบกและใต้น้ำที่ยังคงความสมบูรณ์ของท้องทะเล สามารถดำน้ำได้ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก มีปะการังสีสันสวยงามหลายชนิด รวมทั้งปลาหลากสีสันและหายาก

การไปเที่ยวหมู่เกาะสิมิลัน ปัจจุบันจะเป็นแบบวันเดย์ทริปเท่านั้น และต้องจองล่วงหน้า 1 วัน กับผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจากทางอุทยาน

14. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา

           อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ประกอบด้วย เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะรี เกาะไข่ และเกาะกลาง แต่ละเกาะจะมีความสวยงามและเสน่ห์แตกต่างกันไป หากแต่สิ่งที่ทุกเกาะมีเหมือนกันนั่นคือ นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้ดำดิ่งไปกับความสวยงามใต้ท้องทะเล ควบคู่ไปกับการเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนมอแกนที่อาศัยอยู่บริเวณอ่าวบอนใหญ่ของหมู่เกาะสุรินทร์

ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ปิดการท่องเที่ยวประจำปีระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม – 14 ตุลาคม ของทุกปี เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูมรสุมและเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรให้กลับมาอุดมสมบูรณ์

15. เกาะลันตาใหญ่ จังหวัดกระบี่

          เกาะขนาดใหญ่ที่มีผู้คนอาศัยต่อเนื่องมายาวนานกว่าร้อยปี ตั้งอยู่ภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา เป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอและที่ทำการอุทยาน เกาะมีรูปร่างยาวเรียวจากเหนือมาใต้ สภาพเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน ปกคลุมด้วยป่าที่สมบูรณ์ ศูนย์กลางธุรกิจของเกาะอยู่ที่บริเวณท่าเรือศาลาด่าน ซึ่งมีทั้งบริการท่องเที่ยว ร้านอาหาร ธนาคาร ด้านตะวันตกเรียงรายไปด้วยชายหาดและอ่าวที่สวยงาม ได้แก่ หาดคอกวาง หาดโละบาหรา อ่าวพระแอะ หาดคลองโขง หาดคลองนิน และมีถนนตัดจากท่าเรือตอนเหนือผ่านชายหาดต่าง ๆ ไปจนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ซึ่งอยู่ตอนใต้สุดของเกาะ

เกาะลันตาใหญ่มีที่พักเอกชนเปิดให้บริการมากมาย อีกทั้งบนเกาะยังมีวิถีชีวิตของชาวเกาะดั้งเดิม ที่มีทั้งชาวไทยพุทธ ชาวไทยจีน ชาวไทยมุสลิม และชาวไทยใหม่ (ชาวเล) อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ผสมผสานกับความเจริญที่เข้ามาเยือนได้อย่างลงตัว

และนี่คือทั้ง 15 สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศที่น่าไปในช่วงสิ้นเดือนตุลาคมเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวของช่วงปี 2565 นี้จ้าาา

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง