มดลูกอักเสบ เป็นโรคที่ผู้หญิงทุกคนมีโอกาสเป็นมากที่สุด โดยโรคนี้จะมีอาการปวดท้องน้อยแบบหน่วงๆ ตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงหลังวันหมดประจำเดือน
ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 15-45 ปี และจะเป็นอย่างต่อเนื่องหากไม่ได้รับการรักษาให้หายขาด โดยหากปล่อยไว้นานๆ ก็จะเป็นอันตรายมากอีกด้วย
สาเหตุที่ทำให้มดลูกอักเสบ
สาเหตุที่ทำให้มดลูกอักเสบ เกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการติดเชื้อบริเวณอวัยวะเพศ โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 สาเหตุดังนี้
1.การติดเชื้อหลังคลอด
หลังคลอดเป็นช่วงที่มีโอกาสติดเชื้อจนทำให้มดลูกอักเสบได้มากที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดจากการมีภาวะแทรกซ้อนนั่นเอง ดังนั้นหากมีอาการผิดปกติหลังคลอด ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน
2.การติดชื้อเมื่อมีเพศสัมพันธ์
เป็นการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยส่วนมากจะเป็นเชื้อหนองในและเชื้อหนองในเทียม ดังนั้นก่อนการมีเพศสัมพันธ์ควรดูให้ดีก่อนว่าฝ่ายชายเป็นโรคติดต่ออะไรอยู่หรือเปล่า และที่สำคัญควรมีคู่นอนเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะการมีหลายคู่นอนจะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มากที่สุด รวมถึงการติดต่อด้วยโรคร้ายอื่นๆ ด้วย
3.มีบาดแผลในมดลูก
กรณีที่มีบาดแผลในมดลูก ไม่ว่าจะเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์หรือสาเหตุอื่นๆ ก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายและนำไปสู่ภาวะมดลูกอักเสบในที่สุด
4.การทำแท้ง
การทำแท้งมีโอกาสติดเชื้อได้สูง โดยเฉพาะหากอุปกรณ์เครื่องมือในการทำแท้งไม่สะอาดและดูแลบาดแผลได้ไม่ดี ซึ่งหากอาการรุนแรงก็อาจทำให้เสียชีวิตได้เลยทีเดียว
ใครที่เสี่ยงเป็นโรคนี้มากที่สุด
ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะมดลูกยังไม่แข็งแรงมากนัก จึงมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย
ผู้ที่คุมกำเนิดด้วยห่วงอนามัย เพราะหากห่วงไม่สะอาดหรือไม่ได้มาตรฐานก็จะทำให้ติดเชื้อได้นั่นเอง
ผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยหรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่เป็นโรคหนองใน
ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดือน เพราะช่วงนี้มดลูกจะลดการป้องกันการติดเชื้อลงไป ทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้มากที่สุด
การรักษามดลูกอักเสบ
สำหรับการรักษา แพทย์จะรักษาโดยการตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงก่อน พร้อมกับให้ยารักษาตามอาการ ซึ่งผู้ป่วยบางคนที่มีอาการรุนแรง ตัวซีด อาจต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพื่อให้เลือดและดูอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป
มดลูกอักเสบ เป็นอีกหนึ่งโรคอันตรายที่อาจเกิดได้ง่ายในผู้หญิง ดังนั้นจึงควรดูแลสุขภาพช่องคลอดของตนเองให้ดีอยู่เสมอและไปพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติ เพื่อจะได้ตรวจวินิจฉัยและทำการรักษาได้ทันตั้งแต่ระยะเริ่มแรกนั่นเอง