ใครจะไปคิดว่าสถานที่ที่อยู่ไกลขนาดนี้จะมีสัตว์ตัวน้อยอยู่ที่นั่น เมื่อช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา มีนักดับเพลิงรายหนึ่งได้ขับรถผ่านถนนบนภูเขาที่อยู่ไกลจากถนนสายหลัก และได้เห็นบางอย่างกองอยู่บนถนนที่อากาศร้อนจัด
หนุ่นักดับเพลิงรายนี้ขับรถออกไปไกลจากถนนสายหลักประมาณ 8 กิโลเมตร ในแวบแรกที่เขาพบเจ้าตัวน้อย ก็คิดว่ามันเป็นสัตว์ป่าอย่างตัวสกั๊งค์ ไม่ก็แรคคูนที่อยู่ในระแวกนั้น แต่เขาคิดผม
เมื่อได้เข้าไปดูใกล้ๆ เขาต้องตกใจ เพราะสิ่งที่เขากำลังเจอนั้น คือ เจ้าหมาน้อยที่กำลังนอนบนถนนที่ร้อนจัดกลางป่าเขา
หนุ่มนักดับเพลิงรายนี้ชื่อว่า เอ็ดดี้ ตอนนั้นเขาตกใจมากที่เห็นมัน เพราะมันยังมีชีวิตอยู่ แต่กลับนอนอยู่กลางถนนแบบนั้นโดยไม่หลบเข้าร่มไม้
ผมเดินเข้าไปหาน้องหมาที่กำลังอยู่สภาพตัวสั่น และเหมือนว่ามันกำลังบาดเจ็บ
ผมเดินเข้าไปหามันอย่างใจเย็น เพื่อให้มันคุ้นเคย ผมเริ่มป้อนขนมให้ และพยายามลูบหัวมันทีละน้อย เพื่อให้มันผ่อนคลายจากอาการสั่นกลัว และเกิดความไว้ใจ
ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าหมาน้อยตัวนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่เชื่อว่ามันถูกใครบางคนเอาทิ้งให้มันอยู่ที่นี่อย่างเดียวดาย
และเป็นโชคดีของมันที่ผมขับรถเจอ เพราะมันทำได้แค่นอนรออยู่นี่ เพื่อให้ใครสักคนมาช่วยมัน…
หลังจากนั่งอยู่กับมัน จนมันเชื่อใจผมแล้ว ผมก็ได้อุ้มมันขึ้นมาอย่างอ่อนโยน และพามันไปหาคุณหมอที่ผมรู้จักในตัวเมืองทันที
ผมไม่รู้จักมัน ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน ไม่รู้ว่ามันชื่ออะไร พอไปถึงร้านคุณหมอ เจ้าหน้าที่ก็ถามว่าน้องหมาตัวนี้ชื่ออะไร ด้วยสีขนของมัน ผมเลยตัดสินใจเรียกมันว่า “เจ้า Smokey”
คุณหมอได้บอกน้องหมาตัวนี้ได้รับบาดเจ็บที่ซี่โครง มันอาจจะโดนกระแทกมาก่อนหน้านี้ ไม่ก็อาจจะโดนทำร้ายก่อนจะเอาไปโยนทิ้ง แต่ตอนนี้ผมจะไม่ให้มันมีชีวิตแบบนั้นอีกต่อไป..
มันจะไม่อยู่อย่างลำพังอีกแล้ว…
ผมกับคู่หมั้นเคยช่วยเหลือน้องหมามากมายหลายตัว ด้วยชีวิตที่น่าสงสารของมัน พวกเราได้ตัดสินใจรับเจ้าหมาตัวนี้เข้าเป็นสมาชิกในครอบครัว
นี่ถือเป็นเรื่องราวที่ดีมากสำหรับเข้าหมาน้อยที่จู่ ๆ ก็มีบ้านมีเจ้าของใหม่
เจ้าหมาน้อยได้อยู่ที่คลินิกคืนนึงแล้วเราก็พามันกลับบ้านอันแสนอบอุ่นในวันถัดมา และระหว่างที่เฝ้ามันอยู่ในคลินิกเราทั้งสองคนได้ตกหลุมรักเจ้าหมาน้อยตัวนี้เข้าแล้ว…
เรารักมันและมันจะดูแลมันเหมือนลูกเลยล่ะ
หน้าตาดูสดใสขึ้นมาทันทีเลยนะ