ตัวดังซะด้วย บุกทลายเครื่องสำอางปลอม ใครใช้อยู่ รีบเช็กด่วน

พลตำรวจตรี วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค และเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ร่วมกันแถลงผลทลายเครือข่ายผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางปลอม พร้อมตรวจยึดของกลาง 90 รายการ มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท

โดยคดีนี้ ปคบ. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากอย.ให้ดำเนินการตรวจสอบ การลักลอบผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางปลอมผ่านทางแอปพลิเคชันขายสินค้าออนไลน์ชื่อดัง ชุดสืบจึงทำการสืบสวนและทราบสถานที่ผลิตรวมไปถึงสถานที่จัดเก็บผลิตภัณฑ์

ต่อมาวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา กองกำกับการ 4 บก.ปคบ.ร่วมกับ อย.นำหมายค้นของศาลจังหวัดธัญบุรีเข้าตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องในจังหวัดปทุมธานีจำนวน 2 จุด

จุดแรกเป็นสถานที่จัดเก็บและส่งสินค้าอยู่ในตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พบนางบุญมีที่แสดงตัวเป็นผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าว พร้อมกับตรวจยึดเครื่องสำอางต้องห้าม 77 รายการ จำนวน 19.667 ชิ้น ซึ่งนางบุญมีได้ให้การว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นของนางสาวศิริลักษณ์ และตนเป็นลูกจ้างของนางสาวศิริลักษณ์เท่านั้น

ส่วนอีกคดีที่ บก.ปคบ.แถลงผลการจับกุม คือ การทลายโกดังทุนจีนพร้อมกับยึดเครื่องสำอางเถื่อนและน้ำยายืดผมปลอมหลังพบผู้บริโภคใช้แล้วผมร่วงมูลค่ากว่า 400,000 บาท

คดีนี้จุดเริ่มต้นมาจากเพจ facebook ชื่อดังได้มีการโพสต์ภาพวีดีโอที่มีผู้บริโภคใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยายืดผมแล้วเกิดผมหลุดร่วมเป็นจำนวนมาก ทำให้ชุดสืบสวนทำการสืบสวนโดนซากสถานที่จัดเก็บและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว

กระทั่งเมื่อวันที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นของศาลแขวงบางบอนเข้าตรวจค้นสถานที่จัดเก็บและกระจายสินค้าในพื้นที่แขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพฯ ทรงผมนางสาวอัลยาได้แสดงตัวผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าว พร้อมกับตรวจยึดเครื่องสำอางปลอมที่ไม่มีเลขที่ใบรับจดแจ้งและไม่แสดงฉลากภาษาไทยจำนวน 15 รายการ จำนวน 13,392 ชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 338,000 บาท

จากการสืบสวนขยายผลพบว่าร้านดังกล่าวมีเจ้าของเป็นกลุ่มนายทุนจีนซึ่งเป็นกลุ่มทุนเดียวกัน โดยมีการนำเข้าน้ำยายืดผมปลอมและผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางข้างต้นมาจากประเทศจีนแล้วนำมาจัดเก็บไว้ที่โกดังย่านบางบอนเพื่อรอการจำหน่ายโดยมียอดขายต่อเดือนประมาณ 3 ล้านชิ้น และทำมาแล้วประมาณ 1 ปี

ซึ่งนางสาวอัลยาไม่ได้ให้การซัดทอดไปถึงนายทุนชาวจีน แต่ปรากฏตามพยานหลักฐานว่านายทุนจีนคนดังกล่าวเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และยังอาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการขยายผลเพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป