วันที่ 8 ม.ค.2567 ที่กระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ตอบข้อถามของกระทรวงการคลัง โดยยืนยันว่า สามารถออกพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต ได้
โดยเป็นไปตามอำนาจของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะออกกฎหมายกู้เงินดังกล่าวมาใช้ในโครงการ
อย่างไรก็ดี คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ตั้งข้อสังเกตในบางประเด็นเช่น การออกกฎหมายกู้เงิน จะต้องเป็นไปตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 53 และ มาตรา 57 รวมทั้งจะต้องรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน ซึ่งประเด็นนี้ได้มีการพูดคุยกันในเบื้องต้นแล้ว แต่ยังไม่มีข้อสรุปใด ๆ
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า คาดว่าในสัปดาห์หน้า จะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นประธาน เพื่อพิจารณาข้อหารือในประเด็นกฎหมายดังกล่าว พร้อมกันนี้ จะมีตัวแทนเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ร่วมเป็นคณะกรรมการ มาพิจารณาตรวจข้อกฎหมาย สรุปข้อประชุม และความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาว่ามีข้อสังเกตและแนวทางการดำเนินการอย่างไร
เมื่อมีการหารือในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายแล้ว จะสรุปความชัดเจนว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรต่อไป ในส่วนของร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน กระทรวงการคลัง ได้ยกร่างบางส่วนแล้วในเบื้องต้น เรื่องนี้ดำเนินการไม่ช้า”
ส่วนประเด็นที่มีข้อเห็นที่ขัดแย้งกันว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะวิกฤตหรือไม่นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า กฤษฎีกาพิจารณาเพียงว่า ขัดต่อ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังหรือไม่ และ ข้อสังเกตว่าต้องเป็นโครงการที่ดำเนินการในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะวิกฤตจนไม่สามารถตั้งงบประมาณปกติมาดำเนินการได้ รวมทั้งความคุ้มค่าของโครงการ ต้องมีการประเมินผลก่อนและหลัง และรับฟังความคิดเห็นให้รอบด้าน
ตรงนี้อาจจะต้องมาดูว่าทำกลไกอย่างไร เพื่อให้ได้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน หรือส่วนงานใด ๆ เพิ่มเติมหรือไม่ เป็นสิ่งที่คณะกรรมการชุดใหญ่ต้องพิจารณาต่อ
โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต ว่า มีหลายคนถามว่าจะใช้สิทธิ์ยากหรือไม่ เข้าร่วมอย่างไรนั้น ขอประกาศว่าเราจะพัฒนาต่อยอดระบบ เป๋าตัง ซึ่งมีประชาชนลงทะเบียน 40 ล้านคน ร้านค้าที่คุ้นเคยกว่า 1.8 ล้านร้านค้า ซึ่งเป๋าตัง มีความพร้อมด้านเทคโนโลยีลดระยะเวลา งบประมาณ ซ้ำซ้อน
ซึ่งกระทรวงคลังก็คุ้นเคยในการกำกับดูแลป้องกันการทุจริตต่าง ๆ เราจะพัฒนาต่อยอดเป๋าตัง โดยมีบล็อกเชน อยู่เบื้องหลังเป็นโครงสร้างพื้นฐาน ป้องกันการทุจริตได้ หากฝ่าฝืนระบบจะตรวจสอบได้ทันที การมีบล็อกเชนจะเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้ สร้างความโปร่งใส ลดการทุจตได้อย่างเป็นรูปธรรม
เรื่องนี้สามารถใช้ได้เมื่อใดนั้น จะผ่านการตีความโดยกฤษฎีกา ในช่วงปลายปีนี้ นำเข้าสู่สภาช่วงต้นปีหน้า จัดเตรียมงบประมาณและเปิดใช้ประชาชนใช้พ.ค.ปีหน้า ช่วงก่อนหน้านั้นจะมีอีรีฟันส์ ตั้งแต่เดือนม.ค. และโครงการเสริมสร้างขีดความสามารถ เริ่มได้เดือนมิ.ย.67