เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 4 มี.ค. 2567 พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.ประจำ สนโตแจ้ง รอง ผกก.ป.สน.ลุมพินี ได้รับรายงานว่ามีการรวมตัวกันของกลุ่ม LGBTQ+ จำนวนมาก ที่เรียกตัวเองว่า กะเทยไทย บริเวณหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งภายในซอยสุขุมวิท 11/1 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. อ้างว่าเป็นการรวมตัวเพื่อรอปะทะกับ กะเทยผิน หรือ กะเทยฟิลิปปินส์
หลังกลุ่มกะเทยฟิลิปปินส์กว่า 20 คน ได้รุมทำร้ายกะเทยไทย 2 คน จนได้รับบาดเจ็บแล้วได้นำคลิปวิดีโอไปโพสต์ลงในกลุ่มต่าง ๆ และโพสต์ไปยังประเทศฟิลิปินส์ ในลักษณะเยาะเย้ยถากถาง จนทำให้กะเทยไทยที่เห็นคลิปดังกล่าว ทนไม่ไหวและออกมารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมายดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าเข้ามาตรวจสอบและระงับเหตุจนสถานการณ์เริ่มคลี่คลายพร้อมได้เชิญผู้เสียหายและผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพื่อดำเนินการทางคดีที่ สน.ลุมพินี
ต่อมา เวลา 01.20 น. วันที่ 5 มี.ค. 2567 ที่ สน.ลุมพินี บรรยากาศมีกลุ่ม LGBTQ+ จำนวนมาก ยืนอยู่บริเวณหน้าโรงพัก จากการสอบถามนายต๋อง (นามสมมุติ) หนึ่งในกลุ่มของผู้เสียหายชาวไทย เปิดเผยว่า เหตุเกิดเมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มเพื่อน ซึ่งเป็นสาวประเภทสองไปนั่งรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ริมถนนสุขุมวิทใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสนานา
แล้วไปเจอกับกลุ่มสาวประเภทสองชาวฟิลิปปินส์ ที่เคยมีเรื่องเขม่นกัน จากนั้นเกิดมีปากเสียงก่อนจะออกไปลงไม้ลงมือกันนอกร้าน จนถึงขั้นรุมทำร้าย โดยฝ่ายสาวประเภทสองฟิลิปปินส์มีอยู่ประมาณ 20 คน ขณะที่ฝ่ายสาวประเภทสองคนไทยมีเพียง 2 คน ทำให้ได้รับบาดเจ็บ และมีกระเทยชาวไทยเข้าไปช่วยอีก 2 คน แต่สู้ไม่ไหวจนแยกย้ายกันไป
จากนั้น ภาพเหตุการณ์การรุมทำร้ายได้ถูกเผยแพร่ไปในโลกโซเชียล สาวประเภทสองคนไทยรู้สึกถึงการถูกเหยียดหยาม จึงไปรวมตัวกันที่หน้าโรงแรมที่พักของสาวประเภทสองที่เป็นคู่กรณีไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ โดยไม่ได้มีการนัดหมายกันแต่อย่างใด ก็เพื่อหวังกู้ศักดิ์ศรีสาวประเภทสองคนไทย แต่ทางตำรวจได้เข้ามาห้ามปรามขอความร่วมมือไม่ให้ก่อความรุนแรงขึ้นอีก ก่อนที่เหตุการณ์จึงสงบลง
ทางด้าน พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโน ผกก.สน. ลุมพินี ได้มีการเปิดเผยว่า หลังทราบเรื่องตำรวจได้นำกำลังไปดูแลความปลอดภัย ในจุดที่มีการรวมตัวกันภายในซอยสุขุมวิท 11 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุความรุนแรง ก่อนจะเชิญให้ฝ่ายผู้เสียหายมาพูดคุยที่ สน.ลุมพินี โดยยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรม ใครผิดก็ว่าไปตามผิด
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำผู้เสียหาย เมื่อพิสูจน์ทราบแน่ชัดว่าผู้ก่อเหตุเป็นใครก็จะนำตัวมาให้ปากคำต่อไป แล้วจะตรวจสอบชาวต่างชาติถึงการเดินทางเข้าประเทศว่า เข้ามาทำงานได้ถูกต้องหรือไม่ด้วย จากนั้น ได้มีการขอความร่วมมือให้ทางสาวประเภทสองที่มารวมตัวที่โรงพักแยกย้ายกันกลับบ้านไป ซึ่งก็ยอมปฏิบัติตามด้วยดี