จากกรณีสาวประเภทสองชาวไทยถูกสาวประเภทสองชาวฟิลิปปินส์รุมทำร้ายร่างกาย บริเวณหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งในซอยสุขุมวิท 11 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี เข้าระงับเหตุการณ์ ทั้งนี้ ผู้เสียหายชาวไทยคือ นายอรปรียา พร้อมพวก ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ Mr.Castro พร้อมพวก ต่อมากลุ่มกะเทยทั้ง 2 ประเทศ พากันมาติดตามความคืบหน้าคดีที่ด้านหน้าโรงพัก เหตุเกิดตั้งแต่เวลา 22.00 น. วันที่ 4 มีนาคม ต่อเนื่องวันที่ 5 มีนาคม
ล่าสุด 1 ในผู้ถูกจับกุม ออกมาเปิดเผยหลังสอบปากคำเสร็จตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ยอมรับว่าเป็นผู้ต้องหาเพียงคนเดียวที่ถูกดำเนินคดีในฐานความผิดร่วมกันทำร่างร้ายร่างกายผู้อื่น โดยได้ทำเรื่องประกันตัวเป็นที่เรียบร้อบ ด้วยหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท ซึ่งเป็นเงินของตนเองไม่ได้มีการเปิดรับบริจาคดังที่มีข้อกล่าวอ้างมา ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องของการดำเนินคดี เพราะเป็นไปตามกฎหมาย แต่รับว่ากังวลเรื่องคู่กรณี ไม่ถูกดำเนินคดีและบางส่วนได้มีการเดินออกนอกไปประเทศไปแล้ว
พร้อมเล่าย้อนไปในวันที่เกิดเหตุว่า ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่รู้ผ่านทางโซเซียลว่ามีการทำร้ายกะเทยไทย หลังจากดูคลิปแล้วรู้สึกมีอารมณ์ร่วม จึงเดินทางไปที่จุดเกิดเหตุ โดยทันทีที่ไปถึงก็รู้มีแรงฮึดเหิมในฐานะคนไทยที่เห็นกะเทยจำนวนมากมารวมตัวกัน ซึ่งในตอนแรกตนเองอยู่ในวงนอก แต่ในจังหวะนั้นมีความชุลมุนเกิดขึ้น ตนจึงได้เบียดตัวเองเข้าไปผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจจากนั้นเมื่อถึงตัวคู่กรณี ด้วยความโมโหจึงประเคนหมัดและเข่าเข้าไป
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเข้ามาควบคุมสถานการณ์ และได้มีการล็อกคอตนออกไปจากนั้นนำตัวขึ้นรถเพื่อเดินทางมายังสน.ลุมพินี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการคุมตัวด้วยการใส่กุญแจมือ ส่วนตัวมองว่าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จับตนมาเพียงคนเดียว เพราะมีสรีระที่เป็นผู้ชายดูกำยำ และแรงเยอะ ต่างจากบุคคลอื่นที่เป็นสาวประเภทผมยาว และสรีระคล้ายผู้หญิง
ซึ่งบนรถคันนั้นก็มีคู่กรณีนั่งอยู่ และได้มีการพูดคุยกัน ทางฝั่งของตนเองได้ท้าถามฝั่งเขาว่าทำไมถึงทำแบบนี้กับเพื่อนของตนเอง แต่ทางฝั่งคู่กรณีไม่มีสติและตอบไม่เป็นคำ
เจ้าตัวยังเผยอีกว่า รู้สึกแปลกใจที่ตนเองเป็นคนไทยถูกดำเนินคดีและถูกแจ้งข้อกล่าวหา แต่ทางฝั่งคู่กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีการมาแจ้งข้อมูลหรือแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ