หากคุณไม่ดูแลความสะอาดให้สุนัขและแมว หลังจากนั้นไม่ช้าก็เร็ว คุณก็อาจเจอกับปัญหาขนพันกันยุ่งเหยิง ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้คุณต้องเสียเวลามาคลายปมขน อีกทั้งยังทำให้สุนัขหรือแมวรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายตัว โดยเฉพาะถ้าขนที่พันกันอยู่ที่หลังใบหู สีข้าง หรือก้น อย่างไรก็ดี การละเลยปัญหาขนสังกะตังสามารถนำไปสู่ปัญหาด้านสุขอนามัยและแม้แต่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพเพราะมีการติดเชื้อปรสิต การติดเชื้อที่ผิวหนัง และการกลายเป็นสถานที่แพร่พันธุ์ของแบคทีเรีย สำหรับวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวมีดังนี้
1.แปรงขนเป็นประจำ
การละเลยและไม่ทำความสะอาดให้สัตว์เลี้ยงสามารถทำให้ขนของเขาพันกันและจับตัวกันเป็นปม ซึ่งวิธีที่ช่วยรับมือได้ดีที่สุดคือ การป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น คุณสามารถทำโดยแปรงขนให้สุนัขหรือแมวเป็นประจำ การทำเช่นนี้จะช่วยป้องกันไฟฟ้าสถิตย์และความแห้งกร้านที่สามารถทำให้ขนพัน อย่างไรก็ดี ก่อนที่คุณจะแปรงขนให้สัตว์เลี้ยง ให้คุณเพิ่มความชุ่มชื้นเล็กน้อยโดยใช้ Mist และให้คุณใช้หวีที่มีซี่ห่างกัน เมื่อเจอขนที่เป็นปม ให้คุณใช้นิ้วดึงขนใกล้กับผิวมากที่สุดก่อนที่จะแปรงหรือดึงขนที่พันกัน ซึ่งมันจะช่วยคุณแปรงขนได้ทั่วและเจอปมที่แฝงอยู่ภายใต้ขนด้านบนโดยทำให้สัตว์เลี้ยงรู้สึกเจ็บน้อยที่สุด
2.ใช้น้ำมันมะพร้าว
คุณสามารถคลายปมขนที่พันกันโดยใช้น้ำมันมะพร้าว ซึ่งน้ำมันจะทำให้ปมขนคลายตัวและทำให้ขนไม่พันกัน สำหรับวิธีใช้มีดังนี้
1) นำน้ำมันมะพร้าวมาชโลมบริเวณที่มีขนพันกันและปล่อยทิ้งไว้สักครู่
2) ใช้นิ้วแกะขนที่เป็นปม โดยพยายามทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ หลังจากนั้นคุณจะพบว่าตัวเองสามารถแปรงขนได้โดยไม่ทำให้สัตว์เลี้ยงรู้สึกไม่สบายตัว
3.โรยแป้งข้าวโพดบนปมขน
แป้งข้าวโพดมีคุณสมบัติช่วยดูดซับน้ำมันได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากจะช่วยให้ขนของสัตว์เลี้ยงไม่พันกันแล้ว มันก็ยังช่วยให้ค่า pH ที่ผิวสมดุลและลดกลิ่นเหม็น สำหรับวิธีใช้มีดังนี้
1) แปรงขนที่พันกันเท่าที่สามารถทำได้และต้องมั่นใจว่าไม่มีบาดแผลหรือการระคายเคืองใต้ขนที่พันกัน
2) แบ่งขนเป็นส่วนย่อยๆ โดยใช้หวีเหล็ก
3) โรยแป้งข้าวโพดจำนวนมากลงบนขนที่พันกันแล้วใช้นิ้วสาง จากนั้นให้ใช้หวีซี่ถี่ตบท้าย
4.ใช้ปัตตาเลี่ยน
หากสุนัขมีขนพันกันมากเกินไป คุณอาจนำปัตตาเลี่ยนมาช่วยด้วยอีกแรง ซึ่งมันสามารถช่วยคลายขนที่พันกันโดยดึงขนหรือทำให้สุนัขเจ็บน้อยที่สุด นอกจากนี้การใช้ปัตตาเลี่ยนยังปลอดภัยกว่าการใช้กรรไกร เนื่องจากคุณมีโอกาสตัดโดนเนื้อของสัตว์เลี้ยงได้ง่ายกว่า เพราะขนที่พันกันมักอยู่ใกล้กับผิว หลังจากขั้นตอนนี้ ให้คุณอาบน้ำโดยใช้แชมพูและครีมนวด ปล่อยให้ขนแห้ง และใช้แปรงหวีขนอีกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้ขนพันกัน
5.ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ปัญหาขนพัน
การใช้น้ำสามารถทำให้ขนที่พันกันติดกันแน่นมากขึ้น ดังนั้นให้คุณหลีกเลี่ยงการใช้น้ำในการคลายขนที่พันกัน แต่ให้คุณใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยคลายปมขนหรือสเปรย์ Antistatic ที่ออกแบบมาสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ทั้งนี้คุณอาจลองปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสัตว์เลี้ยงของคุณ
6.พาไปหาช่างตัดขน
ในบางครั้งสุนัขอาจดื้อและไม่ให้ความร่วมมือเมื่อคุณพยายามคลายปมขนที่พันกัน ในกรณีนี้การพาสุนัขไปหาช่างตัดขนที่มีความชำนาญก็ดูเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ทั้งนี้ช่างตัดขนมักใช้หวีชนิดที่ใช้สำหรับสางขนที่พันกันที่อาจมีมีดโกน ดังนั้นหากคุณไม่รู้วิธีใช้แปรงชนิดนี้อย่างถูกต้อง การปล่อยให้เป็นหน้าที่ของช่างตัดขนก็จะปลอดภัยต่อสุนัขมากกว่า
การดูแลความสะอาดให้สัตว์เลี้ยงถือเป็นหน้าที่ของเจ้าของทุกคน หากสุนัขหรือแมวของคุณมีขนพันกันยุ่งเหยิง การนำวิธีที่เราแนะนำข้างต้นไปปรับใช้ก็สามารถช่วยบรรเทาปัญหาได้ค่ะ