15 วิธีประหยัดไฟฟ้า ในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ ง่ายและได้ผล!

แน่นอนว่าเมื่อเข้าหน้าร้อน หลายๆ บ้านมักจะเป็นกังวลเรื่องค่าไฟแพง ซึ่งบางบ้านจะมีค่าไฟเพิ่มขึ้นจากเดือนอื่นๆ เป็นสองเท่าเลยทีเดียว ยิ่งช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยจะดีนัก ก็ไม่แปลกที่จะทำให้ทุกคนหันมาหา วิธีประหยัดไฟฟ้า เพราะอย่างน้อยก็จะได้เอาเงินที่จ่ายค่าไฟ ไปใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ แทน และเพื่อให้ทุกคนได้ประหยัดค่าไฟ ไม่ต้องเป็นกังวลกับค่าไฟแพง เราจึงรวบรวม 15 วิธีประหยัดไฟฟ้า ที่สามารถทำตามได้ง่าย แถมยังได้ผลลัพธ์ที่ดีอีกด้วยมาแชร์ให้ได้ทราบกันค่ะ จะต้องทำอย่างไรกันบ้าง ไปติดตามพร้อมๆ กันเลย

1.ใช้หลอดไฟ LED

สำหรับบ้านไหนที่ยังคงใช้หลอดไฟแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นหลอดไส้หรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ หากนำมาเทียบค่าไฟฟ้ากับการใช้หลอดไฟ LED พบว่าหลอดไฟแบบเดิมกินไฟมากกว่า ดังนั้นหากต้องการประหยัดไฟฟ้าในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้ ลองเปลี่ยนหลอดไฟในบ้านมาเป็นหลอดไฟ LED กันค่ะ นอกจากจะช่วยในเรื่องของค่าไฟน้อยแล้ว ยังให้ความสว่างมากกว่าอีกด้วย และที่สำคัญหลอดไฟ LED ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน

2.หมั่นปิดไฟดวงที่ไม่ใช้งาน

ทราบหรือไม่ว่าการปิดไฟหรือลดจำนวนการเปิดไฟในบ้านลง มีส่วนช่วยประหยัดไฟฟ้าได้มากเลยทีเดียว ถือเป็น วิธีประหยัดไฟฟ้า ที่ทำง่ายและได้ผลมาก โดยพยายามปิดไฟดวงที่ไม่ใช้งานให้ติดเป็นนิสัย ออกจากห้องน้ำก็ควรปิด ห้องไหนที่ไม่ได้อยู่ก็ควรปิดไฟทุกครั้ง อย่าไปกังวลว่าบ้านจะมืดเกินไป เพราะการเปิดไฟดวงที่ใช้งานในบ้าน ก็ยังคงให้ความสว่างในบ้านอยู่บ้าง หรือถ้าเป็นกังวลว่าจะยุ่งยากต่อการเดินไปหยิบสิ่งของต่างๆ หรือยุ่งยากต่อการเดินไปเปิดไฟ ยังมีวิธีที่ช่วยให้เราเดินได้สะดวกในความมืด นั่นก็คือ ไฟฉาย อย่าลืมว่าเรามักจะพกมือถือไว้ใกล้ตัวเสมอ ดังนั้นหากกลัวว่าจะไม่สะดวกต่อการเดินไปเปิดไฟ เมื่อบ้านมืดเพราะปิดไฟดวงที่ไม่ใช้ ก็สามารถส่องไฟฉายเพื่อเพิ่มความสว่างได้

3.ถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ใช้ออกให้หมด

เชื่อว่ามีหลายบ้านเลยที่ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ไม่ถอดปลั๊กอุปกรณ์ต่างๆ ออก หากไม่เชื่อว่าตัวเองมีพฤติกรรมเช่นนี้ ลองเดินสำรวจบ้านกันดูค่ะ อย่างน้อยจะต้องมีสักหนึ่งอุปกรณ์ที่ไม่ถอดปลั๊กออก ดังนั้นเพื่อประหยัดไฟฟ้า ควรย้ำกับตัวเองบ่อยๆ และฝึกจนติดเป็นนิสัย ทุกครั้งที่ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า ควรตามมาด้วยการถอดปลั๊กออกเสมอ ยิ่งถ้าใครอยู่ในช่วงของการที่จะต้องทำงานที่บ้าน อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ย่อมถูกใช้งานเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว กระทะไฟฟ้า พัดลม เป็นต้น ซึ่งเราแทบจะไม่รู้เลยว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าตัวไหนบ้างที่กินไฟสูง ยิ่งถ้าไม่ถอดปลั๊กออก ก็จะยิ่งเพิ่มค่าไฟโดยไม่จำเป็นอีกด้วย

4.รีดผ้าทีละหลายชุด

หลายคนอาจจะไม่สะดวกต่อการใช้เวลาหลายชั่วโมงไปกับการรีดผ้ากองโต เลยใช้วิธีการรีดผ้าทุกวัน จะใส่ชุดไหนก็รีดชุดนั้น แต่รู้หรือไม่ว่าวิธีนี้ แม้จะใช้เวลารีดผ้าแค่ไม่กี่นาที แต่ก็เป็นการเพิ่มค่าไฟได้อย่างอัตโนมัติ ในขณะที่การรีดผ้าครั้งละมากๆ กลับช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ดีเลยทีเดียว เพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดนี้จะใช้พลังงานสูงเมื่อเปิดใช้นั่นเอง แต่หากรีดผ้าครั้งละมากๆ ก็ไม่ต้องเปิดใช้อุปกรณ์บ่อยๆ จึงทำให้การใช้พลังงานลดน้อยลง ส่งผลให้ค่าไฟถูกลงตามไปด้วยนั่นเอง

5.เปิดหน้าต่างรับลม

วิธีประหยัดไฟฟ้า นี้อาจจะใช้ได้กับคนที่ไม่ค่อยขี้ร้อน หรืออยู่ในสถานที่ที่มีต้นไม้เยอะๆ ซึ่งการเปิดหน้าต่างรับลม จะช่วยให้สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าจากการเปิดแอร์หรือพัดลมได้ดีมากๆ แถมยังช่วยส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายในช่วงที่เชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดอีกด้วย เพราะสถานที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้ ที่สำคัญวิธีนี้ยังเป็นวิธีที่การไฟฟ้าแนะนำในการประหยัดไฟฟ้าด้วยเช่นกัน

6.ตั้งค่า sleep mode ใน laptop

สำหรับใครที่ต้องใช้ laptop ในการทำงาน หากต้องการประหยัดไฟฟ้าในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ เริ่มต้นได้ง่ายๆ ด้วยการตั้งค่าอุปกรณ์ตัวนี้เป็น sleep mode ไว้เสมอ เพราะเราต่างรู้ดีว่า laptop คืออุปกรณ์ที่กินไฟมากพอสมควร การตั้งค่า sleep mode จะช่วยรักษา battery ให้สามารถใช้งานได้นาน เพราะโหมดนี้จะปิดหน้าจออัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งาน

7.ปิด gadget ไร้สาย เมื่อไม่ใช้งาน

อุปกรณ์ gadget แบบไร้สายทุกชนิด หากไม่ใช้งานควรปิดทันที ไม่ควรเสียบปลั๊กทิ้งไว้ เพราะอุปกรณ์ไร้สายทุกชนิด หรือแม้แต่อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ หากไม่มีการใช้งานหรือไม่มีการเชื่อมต่อ อุปกรณ์เหล่านั้นก็ยังคงทำงานอยู่ และยังคงใช้กระแสไฟฟ้าในการหล่อเลี้ยงระบบ ง่ายๆ ก็คือยังคงกินไฟเหมือนเดิม จึงไม่แปลกที่จะทำให้ค่าไฟเพิ่มหรือไม่ลดลงเลย ดังนั้นหากต้องการประหยัดไฟฟ้า อย่าลืมปิดการเชื่อมต่ออปุกรณ์ gadget ไร้สายทุกชนิดทุกครั้งเมื่อไม่มีการใช้งาน เพราะเป็น วิธีประหยัดไฟฟ้า ที่ง่ายที่สุดเช่นกัน

8.เลือกมุมทำงานมุมเดียว

การเลือกมุมทำงานมุมเดียว มีส่วนช่วยให้เราสามารถประหยัดไฟฟ้าได้ดีเช่นกัน เพราะเราสามารถควบคุมการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ได้โดยที่ไม่มีการหลงลืมว่าปิดอุปกรณ์หรือถอดปลั๊กอุปกรณ์การทำงานทั้งหมดหรือยังไง นอกจากการเลือกมุมทำงานมุมเดียวในบ้านแล้ว แนะนำให้ตั้งเวลาการใช้ไฟในการทำงานอย่างชัดเจน โดยเฉพาะใครที่ทำงานที่บ้าน ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการเปิดปิดไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าให้เป็นเวลา เช่น เริ่มงาน 9 โมงเช้า เสียบปลั๊กและเปิดอุปกรณ์ใช้งานต่างๆ และหยุดงาน 5 โมงเย็น พร้อมทั้งปิดอุปกรณ์และถอดปลั๊กออกทั้งหมด การกำหนดเวลาเปิดปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชัดเจน นอกจากจะช่วยประหยัดไฟฟ้าได้แล้ววิธีประหยัดไฟฟ้านี้ยังช่วยให้เราใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยให้เราใช้ชีวิตการทำงานได้เหมือนปกติ แถมยังได้พักผ่อนตรงเวลา เพราะไม่มีการทำงานนอกเหนือจากเวลาที่กำหนดนั่นเอง

9.จัดระเบียบตู้เย็น

อย่าคิดว่าการยัดของต่างๆ ในตู้เย็นจนเต็ม จะไม่มีผลต่อค่าไฟที่สูงขึ้น เพราะยิ่งของในตู้เย็นเยอะแค่ไหน ก็จะยิ่งทำให้ตู้เย็นทำงานหนักขึ้นกว่าเดิมหลายเท่ามากๆ ดังนั้นหาเวลาว่างสักช่วง จัดระเบียบตู้เย็นให้ดี อันไหนที่หมดอายุหรือไม่กินแล้ว ให้จัดการทิ้งทั้งหมด พร้อมทั้งจัดวางของในตู้เย็นให้เป็นโซนๆ นอกจากจะเป็น วิธีประหยัดไฟฟ้า ที่ดีแล้ว ยังช่วยให้หยิบของได้ง่ายอีกด้วย

10.ไม่เปิดตู้เย็นบ่อยๆ

นอกจากการจัดระเบียบตู้เย็นให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้ตู้เย็นต้องทำงานหนัก การไม่เปิดตู้เย็นบ่อยๆ ก็ช่วยประหยัดไฟฟ้าได้เช่นกัน เพราะการเปิดปิดตู้เย็นบ่อยเกินไป จะทำให้ตู้เย็นทำงานหนักกว่าเดิมหลายเท่า และส่งผลให้ค่าไฟสูงปรี๊ดจนน่าตกใจเลยทีเดียว

11.ตั้งเวลาปิดแอร์ 30 นาทีก่อนตื่นนอน

เชื่อหรือไม่ว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปิดแอร์ มีส่วนช่วยให้เราประหยัดไฟฟ้าได้เยอะมาก ดังนั้นใครที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ แต่ยังคงต้องการความเย็นสบาย แนะนำให้ตั้งเวลาปิดแอร์ 30 นาทีก่อนตื่นนอนค่ะ เพราะการปิดแอร์ล่วงหน้า ไม่ได้ทำให้ความเย็นหมดไปทันที เพราะแม้จะปิดแอร์แล้ว ความเย็นก็จะยังคงวนเวียนอยู่ในห้อง จึงทำให้บรรยากาศในห้องเย็นสบายอยู่ หากทำเช่นนี้ทุกวัน จะช่วยประหยัดค่าไฟได้เยอะเลยทีเดียว นอกจากนี้ควรเปิดแอร์ที่อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 26 องศาเซลเซียส หากความเย็นยังไม่มากพอ แนะนำให้เปิดพัดลมช่วยเพิ่มความเย็นอีกตัววิธีประหยัดไฟฟ้าวิธีนี้ย่อมช่วยประหยัดค่าไฟได้มากกว่าการเปิดแอร์ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 26 องศาเซลเซียส

12.หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนในขณะเปิดแอร์

บ้านไหนที่ติดตั้งแอร์ หากเปิดแอร์ไม่แนะนำให้เปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน ไม่ว่าจะเป็นกระติกน้ำร้อน เตาปิ้งย่าง หรือเตารีด เป็นต้น เพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าเหล่านี้จะยิ่งเพิ่มความร้อนในห้องสูงขึ้น ทำให้แอร์ทำงานหนักกว่าเดิม ในขณะเดียวกัน หากแอร์ทำงานหนักขึ้น อุณหภูมิในห้องก็จะเย็นมากขึ้น นั่นก็จะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่สร้างความร้อน ยิ่งต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการสร้างความร้อน เป็นการทำให้เปลืองไฟหลายเท่าตัวเลยก็ว่าได้

13.เปลี่ยนมาฟังเพลงแทนการดูโทรทัศน์

ใครที่ไม่ชอบความเงียบ ต้องเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้ทุกครั้งที่นั่งทำงาน แนะนำให้ปิดโทรทัศน์แล้วหันมาเปิดเพลงหรือ podcast แทนกันค่ะ ไหนๆ ก็เปิดคอมพิวเตอร์เพื่อทำงานแล้ว ลองเปิดสื่อเสียงในคอมพิวเตอร์ไประหว่างนั่งทำงาน ก็ถือเป็น วิธีประหยัดไฟฟ้า จากการปิดโทรทัศน์ได้มากแล้ว ในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำให้พยายามเปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้จริงๆ ส่วนอันไหนที่ไม่ใช้หรือไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปิดก็ไม่ต้องเปิดจะดีกว่า

14.เปิดพัดลมพร้อมกับเปิดแอร์

สำหรับใครที่ชอบอากาศเย็นสบาย ยิ่งถ้าอยู่ในช่วงหน้าร้อนยิ่งขาดแอร์ไม่ได้เลย แต่ก็ต้องประหยัดไฟฟ้าเพราะเศรษฐกิจช่วงนี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก แนะนำให้เปิดแอร์พร้อมกับเปิดพัดลม วิธีนี้ช่วยประหยัดค่าไฟได้มาก เพราะไม่ต้องลดองศาแอร์ลงมาต่ำ เพื่อให้รู้สึกเย็นสบาย ทั้งนี้แนะนำให้เปิดแอร์ที่อุณหภูมิประมาณ 27-30 องศาเซลเซียส พร้อมกับเปิดพัดลมเป่าเข้าหาตัว รับรองว่าเย็นสบาย โดยไม่ต้องเสียค่าไฟมากเกินไป

15.ปลูกต้นไม้

แม้ วิธีประหยัดไฟฟ้า วิธีนี้จะไม่สามารถใช้ได้กับทุกบ้าน แต่สำหรับใครที่พอจะมีพื้นที่ให้ได้ปลูกต้นไม้ แนะนำให้ปลูกกันค่ะ เพราะอย่างน้อยก็ช่วยสร้างความร่มรื่นให้กับบ้าน ร่มเงาของต้นไม้ก็ช่วยลดความร้อนได้ดี ที่สำคัญการปลูกหญ้าคลุมดินมีส่วนช่วยลดความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านได้ดีอีกด้วย แต่ถ้าใครไม่มีพื้นที่มากพอให้ได้ปลูกต้นไม้ใหญ่ แนะนำให้ปลูกต้นไม้ในกระถางแล้วจัดเรียงที่ระเบียง เพื่อที่เมื่อลมพัดเข้ามา จะได้รับความเย็นสบายจากต้นไม้เหล่านั้นได้

จบกันไปแล้วกับ 15 วิธีประหยัดไฟฟ้าในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ นอกจากจะสามารถทำตามได้ง่ายแล้ว ยังได้ผลดีอีกด้วย เอาเป็นว่าใครที่สะดวกใช้วิธีประหยัดไฟฟ้าแบบไหนก็ลองเอาไปทำตามกันดูนะคะ ที่สำคัญคือ ห้ามประหยัดจนเกินไป หรือประหยัดจนไม่สามารถสร้างความสุขสบายหรือเพื่อความราบรื่นให้กับการทำงานของตัวเอง ควรเน้นที่การประหยัดไฟฟ้าด้วยวิธีที่ใช้แต่อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ และปิดอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ รวมทั้งการฝึกนิสัยในการปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้ หรือการปิดไฟทุกครั้งที่ไม่ใช้งาน สิ่งเล็กๆ เหล่านี้ ล้วนถูกมองข้ามกันมาเสมอ และยังเป็นสิ่งเล็กๆ ที่ส่งผลต่อค่าไฟที่สูงขึ้นจนน่าตกใจอีกด้วย