เมื่อวันที่ 15 มีนาคม มีรายงานสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารเมียนมา กับฝ่ายต่อต้านที่มีทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู.) กองพัน 18 และกองกำลังปกป้องประชาชน (พีดีเอฟ.) โดยเมื่อเย็นวันที่ 14 มีนาคม ฝ่ายต่อต้านได้โจมตีค่ายทหารเมียนมา ด้านใต้จ.เมียวดี ตรงข้าม อ.แม่สอด ซึ่งเป็นกองบัญชาการยุทธวิธี (บก.ยว.) กองพล13 ในหมู่บ้านจ้ายโด่ง ตรงข้าม อ.อุ้มผาง จ.ตาก ทั้ง 2 ฝ่ายได้ใช้อาวุธหนักยิงใส่กัน และมีการปะทะกันอย่างหนักเมื่อฝ่ายต่อต้าน บุกเข้าไปยึดบก.ยว.กองพล 13 ทำให้ทหารเมียนมา ล่าถอยออกไป จนแตกทัพ มีรายงานทหารเมียนมาเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เช่นเดียวกับฝ่ายพีดีเอฟ. และเอ็นยู.จนฝ่ายต่อต้านสามารถยึดค่ายได้ ซึ่งฝ่ายต่อต้านยึดอาวุธยุทโธปกรณ์นานาชนิดได้ 6 คันรถยนต์ 6 ล้อ
ที่จังหวัดเมียวดี ตรงข้ามบ้านริมเมย ตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด ทหารเมียนมายิงปืนค.จากที่ตั้งกองพันที่ 275 ไปยังหมู่บ้านห้วยส้าน ซึ่งเป็นหมู่บ้านคนไทยพลัดถิ่น อ.เมืองเมียวดี ลึกจากชายแดนไทย 10 กิโลเมตร ทำให้มีคนไทยพลัดถิ่นเสียชีวิต 2 คน ได้รับบาดเจ็บ 3 คน
ด้านความเคลื่อนไหวของฝ่ายไทย หน่วยเฉพาะกิจราชมนู อ.แม่สอด ส่งทหารตรึงแนวชายแดนไทย เมียนมาในจุดที่ล่อแหลม เพื่อรักษาความสงบตามแนวชายแดน และมีเครื่องบินเอฟ.16 ของกองทัพอากาศทำการออกลาดตระเวนตามแนวชายแดนจ.ตาก และ จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อป้องกันอากาศยานบินล้ำแดนน่านฟ้าไทย
สำหรับการสู้รบที่ผ่านมา ทหารฝ่ายต่อต้านสามารถยึดค่ายทหารเมียนมาได้แบบเบ็ดเสร็จแล้วคือ ที่ตั้งกองพัน 355 เมียวดี ค่ายผาลู ตรงข้ามบ้านแม่โกนเกน ตำบลมหาวัน อ.แม่สอดเป็นค่ายที่ใหญ่ค่ายหนึ่งที่ฝ่ายกองทัพเมียนมายึดจากทหารกะเหรี่ยงไป 38 ปีก่อน และค่ายจ้ายโด่ง ที่ตั้งบก.ยว.13 ของทหารเมียนมา แต่ยังมีทหารเมียนมาที่รักษาที่ตั้งกองพัน 356 เมียวดีไว้ ส่วนที่เหลือ และเป็นค่ายใหญ่ที่สุดคือ ที่กองพัน 275 เมียวดี อย่างไรก็ดีตลอดการสู้รบที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้มีบ้านเรือนราษฎรเมียนมาถูกกระสุนปืนค. และจากการทิ้งระเบิดทำให้บ้านเรือนของประชาชนถูกไฟไหม้ไปจำนวนมาก