นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ครั้งที่ 2/2567 ว่า ที่ประชุมได้รับทราบข้อเสนอของกระทรวงการคลัง ที่ได้เสนอความเป็นไปได้ของแหล่งเงินที่จะนำมาใช้โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท นอกเหนือจากการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท
อีกทั้งมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติวางกรอบการตรวจสอบวินิจฉัย ร้องทุกข์ กล่าวโทษและการเรียกเงินคืน โดยให้ทุกหน่วยงานรายงานที่ประชุมฯ วันที่ 10 เม.ย.นี้ และคาดจะได้ข้อสรุปทั้งหมด และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายในเดือนเม.ย.นี้
นายเศรษฐา ยืนยันถึงกรอบเวลาตามที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ได้แถลง โดยในไตรมาส 3 จะทำการลงทะเบียนร้านค้าและประชาชน และไตรมาส 4 เงินจะถึงมือประชาชน ซึ่งในที่ประชุมวันนี้ทุกภาคส่วนเห็นด้วย ต่างเห็นด้วยในขั้นตอนทั้งหมด ทั้งนี้ขอให้ทุกคนรอฟังข่าวดีในวันที่ 10 เม.ย.นี้
เงื่อนไข เงินดิจิทัล 10000 เดิมที่เคยที่มีการแถลงสรุปได้แล้ว มีดังนี้
ผู้ที่จะได้เงินดิจิทัลวอลเล็ตจะต้องเป็นคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป
ยกเว้นคนมีรายได้เกิน 70,000 บาทต่อเดือน หรือเงินฝากมากกว่า 5 แสนบาท
เติม เงินดิจิทัล 10000 ให้แก่ คนไทย 50 ล้านคนมี (จากเดิม 54 ล้านคน)
สามารถซื้อของหรือ ใช้ภายในอำเภอตามที่อยู่บนบัตรประชาชน
เงินต้องใช้ครั้งแรกภายใน 6 เดือน
ใช้สำหรับซื้อของอุปโภคบริโภคเท่านั้น ไม่สามารถโอนให้ผู้อื่นหรือแลกเป็นเงินสดได้
ข้อจำกัดของการใช้เงิน เงินดิจิทัล 10000 คือจะไม่สามารถ
ไม่สามารถซื้อสินค้าออนไลน์ได้
ไม่สามารถซื้อสินค้าอบายมุข เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่
ไม่สามารถซื้อบัตรกำนัล บัตรเงินสด เพชร พลอย ทองคำ อัญมณี
ไม่สามารถนำเงินดิจิทัลไปชำระหนี้ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำมัน
ไม่สามารถใช้เงินดิจิทัล จ่ายค่าเทอมได้
ต้องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์