สาวเรียนดีช็อก ไปติวกลับมา พ่อแม่ถูกปล้นฆ่า แต่แล้วกลับโดนเปิดโปงเรื่องพีคยิ่งกว่าละคร

  วันที่ 20 มีนาคม 2567 เว็บไซต์ Ladbible นำเสนอเรื่องราวอาชญากรรมอันน่าสะพรึง ที่เกิดขึ้นกับพ่อ แม่ และลูกสาวครอบครัวหนึ่ง ซึ่งเผชิญกับเหตุอาชญากรรมรุนแรง คนร้ายบุกสังหารพ่อแม่ถึงในบ้าน แต่คำให้การจากผู้เป็นพ่อที่รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์ ทำให้สังคมแคนาดาตกตะลึงกับความจริงที่ถูกเปิดเผย รวมถึงคำโกหกอันบิดเบี้ยวนาน 10 ปี ของคนร้ายตัวจริง

        สำหรับครอบครัวดังกล่าวประกอบด้วยพ่อแม่ซึ่งเป็นผู้อพยพจากประเทศเวียดนาม และลูกสาวคือ เจนนิเฟอร์ พาน ทั้งหมดอาศัยอยู่ในเมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา ซึ่งที่ผ่านมาลูกสาวนับเป็นความภาคภูมิใจสำหรับเขา เธอไม่เพียงแต่จะเป็นนักศึกษาเรียนดีที่ได้เกรด A มาตลอด แต่ยังได้รับทุนศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย อีกทั้งยังมีความสามารถด้านสเกตลีลาและการเล่นเปียโน

        แต่พวกเขาไม่มีใครคิดเลยว่าในวันหนึ่งจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับครอบครัว นำมาสู่ความสูญเสียที่น่าตกตะลึง

สายด่วน 911 เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง

        ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2553 เจ้าหน้าที่สายด่วน 911 ได้รับสายแจ้งเหตุร้ายจากเจนนิเฟอร์ ที่กล่าวทั้งน้ำเสียงสะอื้นด้วยความหวาดผวา ว่าพ่อแม่ของเธอถูกยิงในบ้าน จาการสอบสวนพบว่าคนร้าย 3 คนได้บุกเข้ามาในบ้านของครอบครัวนี้ ก่อนจะลากตัวคู่สามีภรรยาไปยังห้องใต้ดิน ใช้ผ้าห่มคลุมศีรษะของทั้งคู่ จากนั้นก็จับเจนนิเฟอร์มัดไว้

  คนร้ายยังรื้อค้นทรัพย์สินทั่วบ้าน ขโมยเงินไป จากนั้นก็ยิงสังหารพ่อแม่ของเจนนิเฟอร์ โดยแม่ของเธอถูกยิงที่ศีรษะทำให้เสียชีวิตทันที ขณะที่พ่อของเธอถูกยิงที่ใบหน้าและไหล่ ทำให้เด็กสาววัย 24 ปีต้องเผชิญความสูญเสีย

        เดิมตอนแรกตำรวจยังสงสัยว่าอาจเป็นเหตุปล้นที่บานปลายจนมีการฆาตกรรม แต่ไม่ช้าพวกเขาก็เริ่มสืบสวนเจาะลึกมากขึ้น ถึงจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ โดยเฉพาะเมื่อมีประเด็นน่าสงสัย คือ เหตุใดเจนนิเฟอร์ถึงเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ และยังสามารถโทร. แจ้ง 911 ได้ทั้งที่ถูกคนร้ายจับมัดมือ ซึ่งเพียงไม่นานพวกเขาก็ได้รับคำตอบ

ชีวิตแขวนบนเส้นด้าย ก่อนเผยคนร้ายตัวจริง

        ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเมื่อพ่อของเจนนิเฟอร์รอดชีวิตจากการบาดเจ็บ และหาทางไปโรงพยาบาลได้ เขาหมดสติและอยู่ในภาวะโคม่านานถึง 3 วัน ก่อนจะฟื้นขึ้นมาเผยความจริงที่น่าขนลุกให้ตำรวจฟัง โดยระหว่างเกิดเหตุผู้เป็นพ่อสังเกตเห็นว่าลูกสาวของเขา มีการพูดคุยกับหนึ่งในคนร้ายอย่างเป็นกันเอง

        ผลการสืบสวนทำให้ทราบว่าแท้จริงแล้ว เจนนิเฟอร์ คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมดังกล่าว ด้วยความหวังจะกำจัดพ่อแม่ที่เข้มงวดกับชีวิตของเธอ และเพื่อฮุบมรดก 500,000 ดอลลาร์ (ราว 18 ล้านบาท) โดยเธอร่วมมือกับแฟนหนุ่มวางแผนสังหาร รวมถึงเป็นคนว่าจ้างนักฆ่า 3 คนมาลงมือ นอกจากนี้เธอยังเป็นคนปลดล็อกประตูบ้านทิ้งไว้ เพื่อเปิดทางให้คนร้ายบุกเข้ามา

        ปมสังหารและแรงจูงใจในเรื่องนี้ยังเป็นสิ่งที่น่าตกใจ นี่คือความพยายามแก้แค้นของลูกสาว เมื่อเผชิญแรงกดดันอันยาวนานและสิ่งที่ตามมาจากคำโกหกนาน 10 ปี เกี่ยวกับทุกแง่มุมของชีวิตที่เธอต้องการให้พ่อแม่ได้เห็น

ความสัมพันธ์ตึงเครียด สั่งสมจนเป็นปมในใจ

        ปรากฏว่าคู่สามีภรรยาให้ความสำคัญกับเกรดของลูกสาวมาก เจนนิเฟอร์จึงไม่ได้รับอิสระใด ๆ ตอนเป็นวัยรุ่น แม้จะอยู่มัธยมปลายแล้วเธอก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้มีแฟน ไปงานเต้นรำหรือปาร์ตี้ต่าง ๆ แต่แทนที่ผลการเรียนของเธอจะดีเลิศแบบที่พ่อแม่คาดหวัง ในความเป็นจริงมันกลับตกต่ำลงอย่างมาก เจนนิเฟอร์จึงมักจะปลอมแปลงรายงานผลการเรียน มาให้พ่อแม่ดู

        เธอยังอ้างว่าตัวเองได้เข้าศึกษาล่วงหน้าที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ทางมหาวิทยาลัยปฏิเสธรับเธอเข้าศึกษาแล้ว ซึ่งแทนที่เจนนิเฟอร์จะสารภาพความจริงกับพ่อแม่ เธอยังแกล้งทำทีเป็นออกไปเรียนและทำงานอาสาสมัคร ทั้งที่จริง ๆ แล้วเธอแค่ออกไปนั่งฆ่าเวลาตามคาเฟ่ รับสอนเปียโน หรือทำงานที่ร้านอาหารเพื่อหารายได้ และยังแอบคบหากับแฟนหนุ่ม

คำโกหกของเจนนิเฟอร์พังทลาย

        หลังการโกหกอันยาวนาน 10 ปี อยู่ ๆ พ่อของเธอก็ตัดสินใจจะโทร. ไปเช็กดูว่าลูกสาวทำงานเป็นอาสาสมัครที่โรงพยาบาลตามที่อ้างจริงหรือไม่ ทำให้รู้ความจริงว่าถูกลูกสาวหลอกมาโดยตลอด เขาโกรธจัดจนไล่ลูกสาวออกจากบ้าน ซึ่งแม่ของเจนนิเฟอร์ได้โน้มน้าวให้พ่อยอมให้ลูกสาวอยู่บ้านต่อ หากเธอตกลงจะปฏิบัติตามกฎระเบียบอันเข้มงวดของพวกเขา และไม่ไปเจอกับแฟนหนุ่มอีก

        หลังจากนั้นเองที่เจนนิเฟอร์เริ่มวางแผนฆ่าพ่อแม่ของตัวเอง ซึ่งสุดท้ายในเดือนธันวาคม 2557 เธอกับผู้สมรู้ร่วมคิด คือแฟนหนุ่มและมือสังหาร 2 คน ก็ถูกตัดสินว่ามีความผิดข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนาและมีการวางแผนไว้ และข้อหาพยายามฆ่า ต้องได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต ขณะที่มือสังหารอีก 1 คนซึ่งยอมรับสารภาพ ได้รับโทษจำคุก 18 ปี แต่ได้เสียชีวิตแล้วในเรือนจำเมื่อปี 2561