Tesla แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน ปรับลดพนักงานทั่วโลกลง 10% อันเนื่องมาจากยอดขายที่ชะลอตัว ประกอบกับคู่แข่งในตลาดที่เพิ่มมากขึ้น
สำนักข่าว CNN แห่งสหรัฐอเมริการายงานว่า Tesla ได้ปรับลดพนักงานทั่วโลกลง 10% จากจำนวนพนักงานทั้งหมดราว 1.4 แสนราย ภายหลังจากที่ Elon Musk ได้มีการส่งอีเมลไปยังพนักงานช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุถึงแผนการเลิกจ้างพนักงานเพื่อปรับลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต โดยเนื้อหาในอีเมลไม่ได้ระบุข้อความเกี่ยวกับปริมาณยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้าเทสลาแต่อย่างใด
ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2567 ที่ผ่านมา Tesla มียอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และยังถือเป็นการร่วงครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤติโควิด-19 เมื่อ 4 ปีที่แล้ว อีกทั้งยังถูก BYD จากจีนขึ้นแซงเป็นผู้นำตลาด EV ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 ก่อนจะกลับมาผงาดเบอร์ 1 ได้อีกครั้งเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เทสลาเพิ่งเปิดโรงงานประกอบรถยนต์ในเยอรมนีและเท็กซัสเมื่อปี 2565 และยังเตรียมเปิดโรงงานในเม็กซิโกอีกหนึ่งแห่งด้วย สวนทางกับการจ้างพนักงานของเทสลาที่เพิ่มขึ้นน้อยมากเมื่อเทียบกับปีก่อน
โดยเมื่อปี 2564 เทสลาได้จ้างพนักงานเพิ่มขึ้นมากถึง 40% ก่อนจะเพิ่มขึ้นอีก 29% ในปี 2565 ขณะที่ปี 2566 กลับมีพนักงานใหม่เข้ามาทำงานกับเทสลาเพิ่มขึ้นไม่ถึง 10% เท่านั้น โดยแหล่งข่าวระบุเพิ่มเติมว่าเทสลามีพนักงานทั่วโลกจำนวนทั้งสิ้น 140,473 คน เมื่อช่วงสิ้นสุดปี 2567 ที่ผ่านมา
ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นอย่าง GM และ Ford ก็เริ่มทยอยลดปริมาณการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าลงเช่นกัน โดยมีสาเหตุหลักมาจากความต้องการของตลาดที่ลดน้อยลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่ายอดจำหน่าย EV ทั่วโลกจะยังคงเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกาที่มียอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นกว่า 40% ส่งผลให้มีตัวเลขแตะ 1 ล้านคันเป็นครั้งแรก แต่ก็ยังถือว่าน้อยกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้อยู่ดี