เมื่อวันที่ 18 เม.ย.67 เวลา 15.00 น. พ.ต.ท.นิรุตติ์ สีหานาม สว.(สืบสวน) สภ.เขื่อนใน นำกำลังจับกุมตัว นายเอ(นามสมมติ) อายุ 42 ปี ชาวอุบลราชธานี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์เกือบ 10 คดี ไปทำแผนประกอบคำรรับสารภาพ หลังถูกจับกุมตัว
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่พบข้อมูลว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นบุคคลพ้นโทษที่ออกมามีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงได้ทำการเฝ้าระวังจนสายลับรายงานว่าผู้ต้องหาเพิ่งรับยาเสพติดมาเสพ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปตรวจสอบบริเวณถนนข้างวัดบ้านท่าไห ทางด้านทิศตะวันตก พบกำลังอยู่กับรถแห่จึงได้แสดง
จากการตรวจค้นพบ ยาบ้า จำนวน 2 เม็ด จึงได้แจ้งข้อกล่าวหานายบุญมีว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
สอบสวนพบว่าตั้งแต่พ้นโทษมาได้มีการตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่อำเภอเขื่องในหลายครั้งได้รถจยย. 1 คัน , กล้องถ่ายรูป มูลค่ากว่า 5 หมื่นบาท ทรัพย์สินที่ได้รวมเป็นเงินกว่า 1 แสนบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหาเพิ่มพร้อมกับนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
สำหรับผู้ต้องหารายนี้เคยถูกจับในข้อหาลักทรัพย์ตู้เซฟของ ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่ง เมื่อปี 2561 จนเป็นข่าวหน้าหนึ่งมาแล้ว ศาลพิพากษาจำคุก 9 ปี แต่ติดจริง 3 ปี 6 เดือน ถูกพักโทษปล่อยออกมาข้องเกี่ยวกับคดียาเสพติดจนถูกจับเมื่อปี 2563 ก่อนจะถูกปล่อยออกมาเมื่อปี 2566 แล้วกลับมาตระเวนก่อเหตุตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จนถึงปัจจุบัน ทั้งที่ผู้ต้องหาป่วยเป็นวัณโรค ตับอักเสบ และ HIV จากในเรือนจำ
ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง เงินที่ได้นำมาซื้อยาเสพ เที่ยวผู้หญิง โทรเรียกสาวไซด์ไลน์มาร่วมหลับนอนด้วยประมาณ 14 คน ตนเองป่วยเป็นวัณโรค ตับอักเสบ และ HIV จริง
ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์จะสวมถุงยางอนามัยตลอด แต่ระยะหลังที่ตระเวนไปก่อเหตุแล้วทำบัตรประชาชนหายตนก็ไม่ได้ไปรับยาต้านไวรัส และไม่กล้าไปทำบัตรใหม่เพราะกลัวโดนจับ” ผู้ต้องหาสารภาพ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหานายบุญมีเพิ่มเติมว่าลักทรัพย์ หรือรับของโจร ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในพื้นที่ของ สภ.เขื่องใน ส่วน สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจร พร้อมทั้งทำเรื่องอายัดตัวนายบุญมีไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป