เด็ก 4 ขวบ เสียชีวิตหลังกิน “ไข่ต้ม” เพราะความประมาทเลินเล่อของยาย แพทย์เตือนไข่ลวกที่เก็บไว้ในตู้เย็นเป็นสาเหตุ
ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น เหตุการณ์เกิดขึ้นในเมืองเจ้อเจียง ประเทศจีน พ่อแม่ของเด็กชายวัย 4 ขวบ ยุ่งอยู่กับการทำงานหารายได้ จึงฝากเด็กไว้กับยายของเขา วันหนึ่งคุณยายพบว่าหลานชายชอบกินไข่ลวกมากๆ เธอมักจะต้มไข่ในแบบที่เขาชอบให้เสมอ
เนื่องจากนิสัยขี้ประหยัด คุณยายคิดว่าทุกครั้งที่ต้มไข่จะเสียเวลาและเงินไปกับค่าไฟฟ้าและน้ำมากขึ้น ดังนั้นจึงมักจะต้มไข่หลายฟองในเวลาเดียวกัน และเก็บส่วนที่เหลือไว้ในตู้เย็น ค่อยๆ นำออกมาให้หลานชายกินภายใน 2-3 วัน
กระทั่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เด็กชายเริ่มเหนื่อยล้าและร่างกายของเขาอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว คุณยายตกใจมากจึงรีบโทรเรียกพ่อแม่ของเด็กชายกลับบ้านทันทีและพาเขาไปที่ห้องฉุกเฉิน แม้ว่าเขาจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว แต่เด็กชายก็ได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตแล้วเมื่อไปถึง
แพทย์เผยไข่ลวกที่ทิ้งไว้ในตู้เย็นนานเป็นสาเหตุทำให้ผู้ป่วยอายุน้อยเสียชีวิต ไข่ที่สุกไม่เต็มที่และปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานจะทำให้แบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคเจริญเติบโตได้ โดยที่พบบ่อยที่สุดคือเชื้อซาลโมเนลลา (Salmonella Infection) เมื่อติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ในปริมาณมาก โดยทั่วไปผู้ป่วยมักมีอาการท้องเสีย ปวดท้อง มีไข้ และอ่อนแรง อาการมักเกิดขึ้นระหว่าง 8-72 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหารที่ปนเปื้อน
กรณีเด็กชายวัย 4 ขวบรายนี้ มีภูมิคุ้มกันไม่ดี และไม่สามารถตรวจพบการติดเชื้อแบคทีเรียได้ทันเวลา เขาจึงเสียชีวิตอันมีค่าไป…
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในแต่ละปีทั่วโลก มีเด็กมากถึง 220 ล้านคนที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาหารเป็นพิษ โดย 40% เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ระยะฟักตัวในเด็กจำนวนมากใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง อาการของการเป็นพิษ ได้แก่ การอาเจียน ท้องเสีย และอาการอื่นๆ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ป่วยอาจเข้าสู่ภาวะช็อก โคม่า และเสียชีวิตได้ในกรณีร้ายแรงดังที่กล่าวข้างต้น