เมื่อเวลา 18.40 น. วันที่ 5 พ.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร ได้รับแจ้งเกิดเหตุไฟไหม้บ้านหลังหนึ่งใน ต.ท่าขุนราม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร คาดว่ามีผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในบ้าน หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนขนาดใหญ่ 2 ชั้น สร้างไว้อย่างสวยงาม มีรั้วล้อมรอบ ชาวบ้านจำนวนมากมุงดูอยู่โดยรอบ พบรถดับเพลิงจากองค์การบริหารส่วนตำบลท่าขุนราม เทศบาลตำบลนครชุม และองค์การบริหารส่วนตำบลนาบ่อคำ ช่วยกันดับเพลิงที่กำลังโหมลุกลามอย่างรุนแรง ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงได้
จากการตรวจสอบพบว่า บริเวณชั้นล่างของบ้านโดยเฉพาะภายในห้องครัวมีความเสียหายค่อนข้างมาก โต๊ะ อุปกรณ์ ชั้นวางของ ไหม้เสียหายกลายเป็นเถ้าถ่าน ที่พื้นห้องครัวพบร่าง น.ส.ทรรฒพร หรือ เอ อายุ 49 ปี พนักงานการเงินและบัญชี หน่วยงานแห่งหนึ่งประจำจังหวัดกำแพงเพชร สภาพศพนอนหงายหน้า โดนไฟไหม้
บริเวณศาลพระภูมิทางเข้าหน้าบ้านมีกระดาษหลายแผ่นวางซ้อนกันไว้ โดยใช้แจกันวางทับด้านบน จากการตรวจสอบพบว่า เป็นลายมือของผู้เสียชีวิต ที่แผ่นแรกเขียนไว้ว่า ในเมื่อเอาเหลือแต่ตัว เพราะอะไรพี่ลองเป็นแบบเอบ้างนะ อีกสองแผ่นต่อมาเป็นการเขียนในเชิงตัดพ้อต่อว่า ตั้งแต่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมา กับการก่อร่างสร้างตัวเพื่อครอบครัวที่มีพ่อแม่และลูก แต่ต่อมามีมือที่สาม ทำให้เกิดปัญหามาอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายตนต้องย้ายออกจากบ้านที่ร่วมสร้างกันมา
พร้อมกับในหลายเหตุการณ์ที่มีปัญหาเกิดจากบุคคลที่สาม จนทำให้ตนเคยคิดกินยาลาโลกมาแล้ว จนตอนนี้ตนเครียดซึมเศร้า จากปัญหาที่ถาโถมเข้ามา สามีที่รักก็ขอหย่า จนถึงวันนี้คิดแล้วว่าเอไม่เหลืออะไร คนอื่นก็ไม่ต้องเหลืออะไร บ้านหลังนี้สร้างเพื่อสามคน จะเอาคนอื่นมาอยู่ไม่ได้ พร้อมทั้งขอจองเวร เอาเลือดเขียนลงดินและสาปแช่งบุคคลที่สามที่ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน
นอกจากนั้น ผู้เสียชีวิตได้เขียนประวัติตนเองและข้อสั่งเสียอีก 7 ข้อ พร้อมตัดพ้อขอไม่เกิดร่วมกันในชาติต่อไป และแผ่นสุดท้ายเขียนกำชับว่า ที่ดินจะเป็นของน้องอิ่ม (หมายถึงบุตรสาว) คนเดียว จะไม่มีใครมาซื้อได้ ซื้อก็จะอยู่ไม่ได้ พาผู้หญิงใหม่มาอยู่ก็จะฉิบหายตามกันไป
จากการสอบถาม นายปิยะชัย อายุ 48 ปี น้องชายสามีของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า อาศัยอยู่ร่วมกับพี่ชายคือ นายราเชนทร์ ซึ่งเป็นรองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.กำแพงเพชร และหลานสาว รวม 3 คน ก่อนเกิดเหตุนายราเชนทร์พาบุตรสาวไปเที่ยวต่างจังหวัด โดยให้ตนเฝ้าบ้านหลังดังกล่าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 16.30 น. ได้เข้ามาตรวจสอบและเปิดไฟในบ้านก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ จึงล็อกประตูด้านนอกไว้แล้วเดินทางไปข้างนอก
จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น. มีคนแจ้งว่าเกิดไฟไหม้ภายในบ้าน ซึ่งตนก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าผู้เสียชีวิตเข้ามาตั้งแต่ตอนไหน เพราะขณะตนมาเปิดไฟก็ไม่พบ น.ส.เอ มาพบอีกทีก็กลายเป็นศพและไฟเกิดลุกไหม้จนทำให้เกิดความเสียหาย จากการสอบถามชาวบ้านใกล้เคียงได้บันทึกภาพไว้ พบว่ามีการระเบิดของถังแก๊สและเปลวไฟพุ่งขึ้นมาอย่างน่ากลัว เจ้าหน้าที่ได้จัดเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน และจะตรวจสอบถึงสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป